Split ภาพยนตร์แนวจิตวิทยาสยองขวัญ ในช่วงหลังมานี้ดูเหมือนว่าภาพยนตร์แนวจิตวิทยาจะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ เนื่องจากมันเป็นเหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้จริงและยังคงเป็นปริศนาสำหรับคนที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับอาการป่วยทางจิตมาก่อน มันจึงเต็มไปด้วยความน่ากลัวและความลึกลับน่าค้นหา
ในครั้งนี้เอ็ม ไนท์ ชยามาลาน ได้กลับมาสร้างผลงานความสยองขวัญอีกครั้งหลังจากสามารถทำผลงานอย่าง The Visit ออกมาได้อย่างน่าสยดสยอง โดยร่วมมือกับ Blum House Studio ค่ายภาพยนตร์เล็กๆ ที่มีความโดดเด่นตรงที่สามารถสร้างภาพยนตร์สยองขวัญต้นทุนต่ำให้ออกมาทำกำไรได้อย่างยอดเยี่ยม
เป็นค่ายเจ้าของผลงานภาพยนตร์ต้นทุนต่ำที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอย่าง Paranormal Activity การรวมตัวกันของทั้งคู่นั้นจึงได้รับการจับตามองและเป็นกระแสขึ้นมา ไม่เพียงเท่านั้นยังได้นักแสดงหนุ่มชื่อดังมากความสามารถอย่างเจมส์ แม็คอะวอยมารับบทนำอีกด้วย
ในภาพยนตร์เรื่อง Split โดยทางผู้กำกับนั้นนั่งแท่นเป็นผู้เขียนบทเองกับมือ โดยจะเล่าถึงเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งจะต้องเผชิญกับอาการทางจิตของตนเองที่ทำให้เขานั้นมีบุคลิกมากถึง 23 บุคลิกภายในตัวคนเดียว
และแต่ละบุคลิกมันก็มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เขาพยายามใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไปแต่ละวันหนึ่งเขาก็ได้ลงมือก่อเหตุอาชญากรรมขึ้นมา
ทำให้เรานั้นจะได้เห็นความสับสนและเบื้องลึกในจิตใจของตัวละครเอก และยังช่วยให้รอเข้าใจถึงอาการป่วยทางจิตในโลกหลายบุคลิกมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
เรื่องราวภายในภาพยนตร์เรื่อง Split ภาพยนตร์แนวจิตวิทยาสยองขวัญ
- Split จะเล่าถึงเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งป่วยทางจิตเป็นโรคหลายบุคลิกเขานั้นมีชื่อว่าเควิน ภายนอกของเขานั้นก็เป็นชายหนุ่มวัยกลางคนธรรมดาทั่วไป แต่ภายในนั้นเขามีบุคลิกมากถึง 23 บุคลิกเลยทีเดียว
- ซึ่งแต่ละบุคลิกของเขานั้นก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงมีตั้งแต่ตัวตนของเขาจริงๆ เด็กชาย สาวใหญ่ ชายหนุ่มผู้เป็น LGBT ชายหนุ่มที่ชอบในการใช้กำลังและความรุนแรง บุคลิกของเขานั้นไม่ได้มีเพียงแต่มนุษย์ทั่วไปเท่านั้นแต่ยังมีบุคลิกที่เป็นอสูรกายอีกด้วย
- เมื่อเวลาที่เขาเปลี่ยนบุคลิก เขานั้นจะแสดงออกเป็นคนอีกคนหนึ่งอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงแค่ภายนอกเท่านั้นแต่ภายในร่างกายอย่างสารเคมีก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นเดียวกัน วันหนึ่งเขาได้ตัดสินใจที่จะลักพาตัวหญิงสาว 3 คนมาขังไว้ในบ้าน ซึ่งหนึ่งในหญิงสาวนั้นก็คือเดซี่
- พวกเธอนั้นไม่รู้เลยว่าเหตุใดถึงถูกจับมาขัง แต่เมื่ออยู่ไปได้สักพักพวกเธอก็พบว่าคนที่จับเธอมาขังนั้นเป็นคนที่มีหลายบุคลิก ทุกคนหวาดกลัวแต่เดซี่ก็ยังมุ่นมั่นที่จะหนีออก
- พวกเธอนั้นพยายามที่จะเอาตัวรอดและหนีออกไปจากบ้านหลังนี้ให้ได้ ในขณะเดียวกันเควินเองก็พยายามที่จะควบคุมตนเองให้ได้มากยิ่งขึ้น แต่มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้นเพราะเควินไม่สามารถรับมือกับอาการป่วยของตนเองได้
- และสาวๆ นั้นก็จะต้องพบเจอกับเควินในรูปแบบหลากหลายบุคลิกที่ทำให้พวกเธอนั้นรู้สึกสั่นประสาทและสยดสยองจนแทบจะเอาตัวไม่รอด
- เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป พวกเธอนั้นจะสามารถหลบหนีออกจากการกักขังได้หรือไม่ และเควินนั้นจะทำอย่างไรเมื่อบุคลิกที่ไม่อยากให้ออกมามากที่สุดออกมาอาละวาดในที่สุด สามารถติดตามรับชมได้ในภาพยนตร์
Split ภาพยนตร์ที่จะช่วยให้คุณได้รู้จักโรคหลายบุคลิกมากยิ่งขึ้น
Split เป็นภาพยนตร์ที่หยิบเอาอาการป่วยทางจิตที่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้มาเล่าในมุมมองของภาพยนตร์แนวสยองขวัญ สำหรับคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้เจ็บป่วยโรคนี้เมื่อพูดถึงโรคหลายบุคลิกจะต้องไม่เข้าใจอย่างแน่นอนว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรแล้วอาการมันจะเป็นอย่างไรบ้าง
ซึ่งในภาพยนตร์นั้นก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมจริงพอสมควร ทำให้ผู้คนได้ตระหนักว่ามีผู้ป่วยโรคนี้อยู่จริงและเข้าใจว่าอาการจะเป็นอย่างไรบ้าง
ส่วนใหญ่แล้วโรคนี้มักมีสาเหตุจากการที่บุคคลได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างหนักตั้งแต่ยังเด็กทำให้พวกเขานั้นสร้างตัวตนอื่นขึ้นมา ซึ่งจะเป็นตัวตนที่แตกต่างจากตัวตนจริงๆ อย่างสิ้นเชิง เปรียบเสมือนกับการปกป้องตัวเองอย่างอัตโนมัติ
อาการก็คือบุคคลนั้นจะมีบุคลิกภายในตนเองมากกว่า 2 บุคลิก หากเปรียบเทียบให้เห็นง่ายๆ ภายในจิตใจของคนเหล่านั้นจะเหมือนกับห้องที่มีแต่ละบุคลิกนั่งเรียงกันอยู่
จะมีอยู่ 1 บุคลิกที่ได้รับการเลือกให้เป็นผู้นำในการตอบสนองต่อแต่ละสถานการณ์ บุคลิกที่จะได้แสดงออกมาจะเป็นบุคลิกที่บุคลิกผู้นำเป็นคนรับเลือก และบุคลิกอื่นๆ จะไม่สามารถแสดงตัวตนออกมาได้
อย่างเช่นในภาพยนตร์ หากบุคลิกที่เป็นเด็กเป็นคนที่ได้รับเลือกให้ออกมาควบคุมร่างกายและจิตใจ เควินก็จะมีเสียงที่เล็กราวกับเด็ก มีบุคลิกท่าทาง และการแต่งตัวเหมือนกับเด็กชาย มีนิสัยแบบที่แตกต่างจากบุคลิกอื่นๆ
แต่ระหว่างที่เด็กชายควบคุม ในจิตใจของเขานั้นก็ยังมีบุคลิกอื่นๆ อยู่และทุกคนรวมถึงเด็กชายสามารถพูดคุยและปรึกษาหารือกันได้
ด้วยอาการทั้งหมดที่ว่ามานี้ทำให้ผู้ป่วยโรคนี้จะมีภาวะอารมณ์แปรปรวน การแสดงออกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในแต่ละบุคลิก มันจึงค่อนข้างส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้ป่วยพอสมควร และทำให้เกิดการแสดงออกที่คนที่ไม่ได้ป่วยนั้นอาจจะไม่เข้าใจ