หากพูดถึงภาพยนตร์อนิเมชั่นที่ดูแล้วจะต้องรู้สึกหดหู่จนไม่พูดจากับใครไป 2-3 ชั่วโมงแล้วล่ะก็ หนึ่งในภาพยนตร์ที่เราจะนึกถึงนั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง Grave of the Fireflies สุสานหิ่งห้อย
เป็นการบอกเล่าเรื่องราวช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ในประเทศญี่ปุ่นที่ใกล้จะแพ้สงครามเต็มทนผู้คนเริ่มบาดเจ็บล้มตาย สิ่งปลูกสร้างทั้งหลายถูกทำลายจนแทบจะหมดสิ้น
ประชาชนต่างต้องประสบพบเจอกับหายนะมากมาย ความหวังที่มีเริ่มจะริบหรี่เต็มทน ถือเป็นสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกสำหรับผู้เริ่มสงครามอย่างประเทศญี่ปุ่นที่เริ่มแล้วจะยอมแพ้ง่ายๆ ก็คงไม่สามารถทำได้ ยิ่งเป็นประเทศที่มีความหยิ่งในศักดิ์ศรีเป็นอย่างมากแล้วเรียกได้ว่าลืมเรื่องนี้ไปได้เลย
ภาพยนตร์เรื่องนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่ประชาชนที่อยู่ในประเทศสงครามจะต้องประสบพบเจอ แม้ว่าจะเป็นการ์ตูนอนิเมชั่นแต่ก็ถ่ายทอดเหตุการณ์รวมถึงภาพออกมาได้อย่างสมจริงจนหลายๆ คนที่รับชมรู้สึกหดหู่จนต้องร้องไห้ออกมา
เหตุการณ์เท่านั้นที่บีบคั้นหัวใจแต่ด้วยความที่สตูดิโอจิบลิเลือกเอาตัวละครอีกเป็นเด็กยิ่งทำให้เรื่องราวมีความน่าเศร้ามากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว สุดท้ายเราก็รู้ได้ว่าสงครามนั้นไม่เคยให้ประโยชน์กับใคร มีแต่ทำลายโลกใบนี้
Grave of the Fireflies สุสานหิ่งห้อยเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ต้องสูญเสียครอบครัวและต้องดูแลน้องสาวด้วยตัวเอง
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องGrave of the Fireflies สุสานหิ่งห้อย นั้นนเริ่มต้นจากเสียงเตือนเครื่องบินทิ้งระเบิด ครอบครัวของเซตะ ซึ่งประกอบไปด้วยตัวเขา แม่ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ และน้องสาวที่มีชื่อว่าเซซึโกะ ส่วนพ่อของครอบครัวนี้เป็นทหารเรือที่ต้องไปออกรถอยู่แนวหน้า
ทั้ง 3 คนนั้นกำลังเก็บของเพื่ออพยพเข้าสู่หลุมหลบภัย โดยผู้เป็นแม่นั้นให้ลูกชายและลูกสาวล่วงหน้าไปก่อนทำให้เธอและลูกๆ ต้องพลัดพรากจากกัน
หลังเหตุการณ์ระเบิดสงบ เซตะได้เข้าไปตามหาแม่ของเขาในโรงพยาบาลก่อนจะพบว่าแม่ของเขานั้นโดนระเบิดจนร่างกายทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผล อยู่ได้ไม่นานเธอก็เสียชีวิตไปเพราะป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว
ด้วยความที่ไม่ต้องการให้น้องสาวรู้สึกเศร้าเขาจึงเลือกที่จะไม่ให้เธอรู้ว่าแม่ของพวกเขานั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว บ้านของทั้งสองคนถูกระเบิดทำลายจนหมดสิ้นทำให้ตอนนี้ไม่มีที่อยู่อีกต่อไป
ที่พึ่งสุดท้ายของเด็กทั้งสองคนจึงกลายเป็นบ้านของป้าซึ่งต้องเข้าไปอยู่อาศัยแบบสงบเสงี่ยมเจียมเนื้อเจียมตัวเพราะอยู่ในฐานะผู้อาศัยเท่านั้น ผู้เป็นป้าแม้ว่าจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงครามมากนักแต่ก็มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายเพราะต้องดูแลเด็กๆ เพิ่มถึง 2 คนในช่วงสงคราม
เธอเริ่มพูดถึงการให้เซตะออกไปทำงาน ด้วยความรู้สึกอึดอัดใจสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจที่จะพาน้องสาวออกมาเผชิญชีวิตภายนอกตามลำพังโดยที่ไม่นึกเลยว่าสงครามจะเลวร้ายกว่าที่คิด
พวกเขานั้นต้องประสบปัญหาทั้งที่อยู่อาศัยแม้ว่าจะเลือกอยู่ในหลุมหลบภัยเก่าก็ตามแต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องอาหารอยู่ดี เงินที่เก็บไว้ก็เริ่มร่อยหรอลงทุกที เขาจำเป็นที่จะต้องเริ่มลักเล็กขโมยน้อยจนบางครั้งก็ถูกจับได้
จนพักหลังๆ เซซึโกะ เริ่มมีอาการป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงตัดสินใจถอนเงินพาเธอไปโรงพยาบาลก่อนจะพบว่าเธอนั้นขาดสารอาหาร เขาเลือกที่จะใช้เงินซื้ออาหารให้กับเธอแต่เหมือนกับว่ามันจะสายไปเสียแล้ว
สุดท้ายเซซึโกะก็จากไปอย่างเงียบๆ ความหวังเรื่องพ่อก็ยิ่งริบหรี่เพราะมีข่าวการถล่มจนญี่ปุ่นแทบจะแพ้สงครามอยู่แล้ว หลังจากที่จัดการร่างของน้องสาวเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินทางไปยังสถานีรถไฟก่อนจะสิ้นใจตามน้องสาวไปในที่สุด
Grave of the Fireflies สุสานหิ่งห้อยภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของฝ่ายที่แพ้สงคราม
ในประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นเราจะรู้สึกว่าจักรวรรดิญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่และไม่ยอมแพ้จนถึงจังหวะสุดท้ายก่อนที่อเมริกาจะทำการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ 2 ลูกใหญ่ลงในฮิโรชิมาและนางาซากิ
เราคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าสิ่งที่กองทัพญี่ปุ่นทำนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง การเป็นผู้เริ่มสงคราม การรุกรานเพื่อแย่งชิงพื้นที่ เหตุการณ์เลวร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ประเทศญี่ปุ่นดูเป็นผู้ร้ายในสงครามครั้งนี้
แต่ความเป็นจริงแล้วในแง่มุมของประชาชนพลเรือนทั่วไปนั้น ต่างก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างจากพลเรือนไปประเทศอื่นๆ ที่ต้องประสบกับสงครามเช่นเดียวกัน ความปลอดภัยไม่ใช่สิ่งที่มองหาได้ในช่วงเวลานี้
เงินทองทรัพย์สมบัติที่มีเริ่มร่อยหรอ เกิดวิกฤตการณ์ข้าวยากหมากแพง ยารักษาโรคกลายเป็นสิ่งหายากจนทำให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ผู้คนมากมายต้องประสบกับปัญหาไร้บ้านเนื่องจากบ้านถูกทำลายไม่ว่าจะด้วยการยกทัพหรือการโจมตีทางอากาศก็ตาม
ไม่เพียงเท่านั้นคนในครอบครัวต้องพลัดพรากจากกันไม่ว่าจะโดยสูญหายหรือเสียชีวิตก็ตาม เรื่องราวทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นซึ่งเป็นประชาชนทั่วไปต้องประสบพบเจอ
เช่นเดียวกับตัวละครเอกของภาพยนตร์Grave of the Fireflies สุสานหิ่งห้อย อย่างเซตะ ที่ต้องสูญเสียพ่อแม่ไปและยังต้องกลายเป็นเสาหลักของครอบครัวดูแลน้องสาวที่ตนรักมากที่สุดอย่างเซซึโกะ ทั้งที่ตัวเขานั้นมีอายุเพียง 14 ปีเท่านั้น น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วความพยายามอย่างถึงที่สุดของเขาก็ไม่ประสบความสำเร็จ และกลายเป็นเหยื่อสงครามอีกรายหนึ่ง