รีวิว Flower of Evil ซีรีย์เกาหลี
รีวิว Flower of Evil ซีรีย์เกาหลี ปัจจุบันนี้เรื่องราวแนวจิตวิทยานั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะมองไปทางไหนเราก็มักจะพบเจอกับภาพยนตร์หรือซีรีส์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวแนวจิตวิทยาออกมาในรูปแบบต่างๆ อย่างเช่นซีรีส์เรื่อง Flower of Evil
ซีรีส์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวแนวจิตวิทยาผสมผสานกับความเป็นทริลเลอร์ ดราม่า และมีการสืบสวนสอบสวนเข้ามาเกี่ยวข้องเกี่ยวกับคดีอาชญากรรม
ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นการกลับมาพบกันของคู่จิ้นในตำนานอย่างนักแสดงชายชื่อดังอีจุนกิ และนางเอกสาวอย่างมุนแชวอน เป็นซีรีส์ที่ได้รับเรตติ้งดีตั้งแต่เปิดตัวและยังคงมีเรตติ้งขึ้นไปเรื่อยๆ ในแต่ละตอน เพราะเนื้อหามีความเข้มข้นและสลับซับซ้อนจนน่าติดตามแบบที่ดูแล้วหยุดไม่ได้ตามแบบฉบับของซีรีย์เกาหลีทั่วไป
เป็นการตีแผ่ผลกระทบทางจิตที่บุคคลได้รับและแสดงออกตอบโต้กับมัน ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้มีเพียงแต่เรื่องราวที่มีความดำดิ่งเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้องให้เราได้อบอุ่นหัวใจเป็นระยะๆ
งานภาพสามารถคุมโทนแต่ละฉากออกมาได้อย่างดี ช่วยให้ผู้รับชมเข้าถึงอารมณ์ของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละฉากได้อย่างลึกซึ้ง
เรื่องราวความเป็นมาที่เต็มไปด้วยความสลับซับซ้อนในซีรีส์เรื่อง Flower of Evil
Flower of Evil ซีรีย์เกาหลีที่หยิบยกเอาเรื่องราวจิตวิทยามาเล่าได้อย่างลงตัว Flower of Evil จะเล่าถึงเรื่องราวของชายหนุ่มที่มีชื่อว่าฮีซอง ลูกชายผู้เป็นทายาทเจ้าของโรงพยาบาล ตัวตนที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อกลบอดีตทั้งหมดทิ้งไป เดิมทีนั้นเขาเคยมีชื่อว่าฮยอนซู ชื่อที่เขาใช้ชีวิตมาด้วยกว่า 18 ปี
สาเหตุที่ทำให้เขาหันมากลบฝังตัวตนของตนเองนั่นก็คือพ่อของเขานั้นเป็นฆาตกรต่อเนื่อง แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตามเขาก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงว่าจะมีใครล่วงรู้อดีตของตนเอง
เขานั้นได้ตัดสินใจแต่งงานกับตำรวจหญิงสายสืบคดีอาชญากรรมที่มีชื่อว่าจีวอน ทั้งสองคนนั้นใช้ชีวิตแต่งงานอย่างราบรื่นมาถึง 14 ปี และได้มีลูกสาววัยกำลังน่ารัก 1 คนชื่อว่าอึนฮา
เขาสามารถทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อที่ดีของลูกและสามีที่ดีของภรรยา ทำอาชีพออกแบบโลหะอยู่บ้านเพื่อที่จะได้ดูแลครอบครัวได้อย่างเต็มที่ มองจากภายนอกนั้นดูแล้วเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก
จนเมื่อวันหนึ่งจีวอนต้องเข้าไปสืบสวนคดีฆาตกรรมคดีหนึ่ง ทำให้เธอสงสัยว่าสามีของเธอนั้นอาจไม่ใช่ตัวตนจริงของเขาและอาจเป็นฆาตกร เนื่องจากฆาตกรที่ก่อคดีฆาตกรรมนี้เป็นลูกชายของฆาตกรต่อเนื่องที่ตำรวจกำลังต้องการตัวเนื่องจากเขาได้ทำการฆาตกรรมหัวหน้าหมู่บ้านจนเสียชีวิต
ไม่เพียงเท่านั้นชายคนนี้ยังหลบหนีด้วยกันปรับเปลี่ยนตัวเองและซ่อนตัวอยู่ในตัวตนอื่น เป็นโรคต่อต้านสังคมและมีอาการทางจิต ทำให้ต้องฝึกในการแสดงสีหน้าเพื่อให้สามารถแสดงสีหน้าได้เช่นเดียวกับคนทั่วไป
การนำเสนอที่น่าสนใจของซีรีย์เกาหลีเรื่อง Flower of Evil
Flower of Evil เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่มีปมสลับซับซ้อนมีเรื่องราวที่เป็นความลับมากมายเต็มไปหมด แถมการเล่าเรื่องยังค่อยๆ ปล่อยความจริงออกมาทีละเล็กทีละน้อยให้ผู้ชมและตัวละครในเรื่องต้องจับใจความและประติดประต่อกันเอาเอง เหมือนกับการต่อจิ๊กซอทีละตัวมัน จึงทำให้เรื่องราวมีความน่าสนใจ ความเข้มข้น และน่าติดตาม ไม่น่าแปลกใจนักหากผู้คนจะนิยมชมชอบซีรีย์เรื่องนี้และติดกันงอมแงม
เริ่มจากปมของตัวพระเอกอย่างฮีซอง ที่เดิมทีเคยเป็นลูกชายของฆาตกรต่อเนื่องแต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นทายาทของเจ้าของโรงพยาบาล เป็นที่น่าสงสัยไม่น้อยว่าเหตุใดเจ้าของโรงพยาบาลถึงได้รับเลี้ยงเขาไว้เป็นลูก ครอบครัวนี้เคยทำอะไรมาก่อนและซ่อนอะไรที่เลวร้ายไว้หรือไม่ เหตุใดแม่ของเขาจึงไม่เป็นมิตรกับหลานและลูกสะใภ้ คำพูดที่น่าสงสัยของคนเป็นพ่อที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกตะหงิดใจ
ประเด็นเรื่องอาการป่วยทางจิตที่ส่งผลทั้งต่อการดำเนินชีวิตในแต่ละวันและความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ความยากลำบากในการใช้ชีวิตที่ต้องพบเจอและพยายามที่ทำให้ตนเองนั้นดูปกติที่สุดเพื่อปกปิดเรื่องราวที่ไม่อยากให้ใครรับรู้ไว้เบื้องหลัง มีความคล้ายคลึงกับโรคหลายบุคคลิกที่เลือกจะซ่อนตัวตนแท้จริงที่อ่อนแอไว้ภายในและใช้ชีวิตอยู่ในอีกตัวตนหนึ่งที่สร้างขึ้นมาใหม่
รวมไปถึงพี่สาวพระเอกที่เหมือนจะกุมความลับทุกอย่างไว้รวมไปถึงเรื่องราวในอดีตกว่า 18 ปีที่แล้วที่จู่ๆ ก็โผล่เข้ามาในเรื่อง การที่ฮีซองมักจะมีเหตุการณ์หรือเรื่องราวที่เข้าไปเกี่ยวพันกับการสืบคดีของภรรยาตนเองอยู่เสมอ
การที่เขามักจะแสดงท่าทีแปลกประหลาดมีคำพูดและพฤติกรรมที่น่าสงสัย มีจุดให้ผู้รับชมรู้สึกลุ้นระทึกไปด้วยถ้าจะตลอดทั้งเรื่อง
แม้ว่าคดีหลักจะเป็นคดีฆาตกรรมของจีวอน แต่ภายในเรื่องก็ยังมีคดีอื่นๆ เข้ามาสอดแทรกเพื่อเพิ่มความสนุกมากยิ่งขึ้น สามารถเชื่อมโยงเรื่องราวได้เป็นอย่างดี
Flower of Evil ซีรีย์เกาหลีที่หยิบยกเอาเรื่องราวจิตวิทยามาเล่าได้อย่างลงตัว จุดที่เป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์เรื่องนี้คือการเล่นกับแสงและเงารวมไปถึงเวลา เรียกได้ว่าการจัดแสงของซีรีส์เรื่องนี้ช่วยส่งอารมณ์ให้กับนักแสดงได้เป็นอย่างดี ช่วยให้เรารู้ว่าในขณะนั้นฮีซองกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน มีการย้อนภาพอดีตมาเรื่อยๆ แบบไม่ปะติดปะต่อ ที่ทำให้เราสับสนว่าความจริงแล้วความรู้สึกของฮีซองนั้นแท้จริงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่