แนะนำหนังเก่า เสียดาย เมื่อย้อนกลับไปในช่วงยุค 90 นั้นอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศไทยเรียกได้ว่าเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก จะเห็นได้จากที่เรานั้นมีภาพยนตร์แนวต่างๆ ออกมามากมาย ไม่เหมือนกันในปัจจุบันที่มีเพียงแค่ภาพยนตร์แนวคอมเมดี้ โรแมนติก และสยองขวัญเท่านั้น
เมื่อปัจจุบันประเทศไทยขาดแคลนภาพยนตร์แนวอื่นๆ ทำให้ภาพยนตร์ในอดีตได้รับการหยิบยกนำมาพูดถึงอีกครั้งเป็นวงกว้าง ว่าครั้งหนึ่งภาพยนตร์ไทยก็เคยสร้างเรื่องราวที่มีความแตกต่างออกไปมาก่อนและสามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดีด้วย หนึ่งในนั้นก็คือภาพยนตร์แนวสะท้อนสังคมที่มีชื่อว่าเสียดาย
มันเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากและกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์พูดถึงกันในวงกว้างถึงความเหมาะสมและวิธีการเล่าเรื่อง ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะฝีมือของผู้เขียนบทและนักกำกับมากฝีมืออย่างหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคลหรือท่านมุ้ย
เป็นการหยิบยกเอาปัญหาเรื่องสารเสพติดในวัยรุ่นและเด็กนักเรียนมาพูดถึงอย่างโฉ่งฉ่าง ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการสะท้อนถึงเรื่องราวภายในครอบครัวที่เด็กได้พบเจอกับความรุนแรง ฐานะยากจน ขาดความอบอุ่น ไม่ได้รับความเข้าใจ และไม่ได้รับการใส่ใจเท่าที่ควร
ปัญหาเหล่านี้ผลักให้เด็กและเยาวชนในยุคนั้นหันไปหาทางออกแบบผิดๆ นั่นก็คือการใช้สารเสพติดซึ่งสามารถหาได้ง่ายและมีราคาไม่แพงในยุคนั้น
แม้ว่าจะเป็นความเสี่ยงแต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงามจนสามารถออกมาได้ถึง 2 ภาคด้วยกัน และในปัจจุบันได้มีการนำเอากลับมาเล่าอีกครั้งในรูปแบบของ Series มันจึงเป็นภาพยนตร์ที่น่าเสียดายหากคุณไม่ได้รับชม
เรื่องราวภายในภาพยนตร์เรื่องเสียดาย
- ภาพยนตร์เรื่องเสียดายในภาคแรกนั้นเข้าฉายในปี 2537 เล่าถึงกลุ่มวัยรุ่นสาวที่เป็นเพื่อนกัน แต่ละคนนั้นต่างก็มีปัญหาที่แตกต่างกันออกไปแต่ส่วนใหญ่แล้วปัญหาของพวกเธอนั้นจะเกิดจากครอบครัว
- แม้ว่าพวกเธอจะมีฐานะที่แตกต่างกันก็ตาม เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าแม้ว่าเด็กจะเติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะดีหรือฐานะยากจนก็สามารถมีปัญหาที่เกิดจากครอบครัวได้เช่นเดียวกัน
- เมื่อพวกเธอนั้นไม่สามารถพึ่งพาหรือได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวเท่าที่ควรสุดท้ายแล้วพวกเธอจึงต้องหันไปหาทางออกด้วยการใช้สารเสพติด ในสมัยนั้นสารเสพติดยังเป็นสิ่งที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและมีราคาไม่สูงมากนัก
- ทำให้สารเสพติดที่พวกเธอเลือกใช้นั้นมีตั้งแต่สารเสพติดที่มีราคาถูกและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายในระดับถึงแก่ชีวิตไปจนถึงสารเสพติดที่มีราคาแพงและส่งผลถึงชีวิต
- หลังจากที่ใช้ชีวิตอย่างเสเพลและเสียเวลาไปกับยาเสพติดพวกเธอก็ได้ค้นพบว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ทำให้อนาคตและความฝันของพวกเธอนั้นต้องสูญสลายหายไป ไม่เพียงเท่านั้นบางคนยังต้องจบชีวิตลงอีกด้วย
- ในภาคนี้จะเน้นเล่าถึงเรื่องราวของปัญหายาเสพติดในสังคมรวมไปถึงปัญหาในครอบครัวโดยเฉพาะเรื่องความรุนแรงและการติดสุรา ลามไปถึงเรื่องของการขายบริการและการถูกล่วงละเมิดทางเพศของกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ไม่ได้รับความสนใจจากครอบครัว
- แม้จะดูเป็นเรื่องไกลตัวแต่ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคมนับครั้งไม่ถ้วนอย่างที่เราเห็นในหน้าหนังสือพิมพ์หรือตามแหล่งข่าวต่างๆ
- ส่วนในภาคที่ 2 นั้นจะเล่าถึงเรื่องราวของครอบครัวที่ประสบปัญหาลูกสาวของตนเองติดเชื้อ HIV เด็กสาวคนนี้ไม่ได้มีเพศสัมพันโดยไม่ป้องกันแต่เธอโชคร้ายที่ได้รับเชื้อดังกล่าวจากการถ่ายเลือด พอคนรู้เข้าเป็นวงกว้างทุกคนก็แสดงท่าทางรังเกียจเธอ
- จนทำให้เธอรู้สึกว่าเธอไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมจนเกิดความรู้สึกสับสน เศร้าเสียใจ และไม่สามารถมองหาทางออกได้ แม้แต่คนในครอบครัวยังผลักไสและไม่ไว้ใจเธอ เธอจึงเลือกที่จะจบชีวิตของตนเองด้วยการฆ่าตัวตายแต่มีรุ่นที่ที่ประสบปัญหาเดียวกับเธอมาช่วยเหลือและคอยรับฟัง
ประเด็นละเอียดอ่อนในการสะท้อนสังคมในภาพยนตร์เรื่องเสียดาย
ในอดีตนั้นการสร้างภาพยนตร์หรือละครออกมาสะท้อนสังคมได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะมันเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เข้มข้นและดราม่า
แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้วทำให้ประเด็นการสะท้อนสังคมนั้นเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน เพราะมีความเสี่ยงเช่นเดียวกันที่คนรับสื่อเหล่านี้จะไม่สามารถพิจารณาและตัดสินได้ด้วยตนเอง
อย่างเช่นคนรับสื่อที่ยังเป็นเยาวชนหรือยังเป็นเด็ก ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นคือพฤติกรรมเลียนแบบในส่วนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ถึงแม้ว่าในปัจจุบันเด็กๆ จะสามารถเข้าถึงข้อมูลอย่างถูกต้องได้แต่ก็ใช่ว่าความเสี่ยงนี้จะหมดไปเสียทีเดียว
การที่มีคนหยิบยกนำเอาภาพยนตร์เรื่องเสียดายมาสร้างใหม่ในรูปแบบของ Series นั้นจึงกลายเป็นกระแสพูดถึงกันในวงกว้างว่า ความจริงแล้วอุตสาหกรรมภาพยนตร์และละครในประเทศไทยนั้นสมควรหรือไม่ที่จะนำเสนอเรื่องราวสะท้อนสังคม แทนที่จะนำเสนอเรื่องราวดีๆ ที่ชี้นำสังคมไปในทางที่ดีได้มากกว่า
แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเรื่องราวภายในภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยความจริงที่เกิดขึ้นในสังคมและยังเป็นประเด็นที่ยังไม่ได้รับความสำคัญเท่าที่ควรนัก
โดยเฉพาะประเด็นเรื่องครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรุนแรงหรือเด็กไม่ได้รับความอบอุ่นเท่าที่ควร อย่างน้อยสำหรับผู้ปกครองที่ได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะทำให้ตระหนักได้ว่าตนเองนั้นใส่ใจลูกหลานของตนเองเท่าที่ควรแล้วหรือยัง
บทความ รีวิวหนัง แนะนำภาพยนตร์ ที่น่าสนใจ