แนะนำภาพยนตร์สงคราม Mosul อิรักนั้นกลายเป็นประเทศที่สุดแสนจะอันตรายตั้งแต่มีสงครามเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นทั้งสงครามกลางเมืองหรือแม้แต่สงครามกับประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาเองก็ตาม ทำให้ประเทศดังกล่าวแทนที่จากมีความทันสมัยและพัฒนาด้วยขุมสมบัติที่เป็นทรัพยากรอย่างน้ำมัน
แต่ในปัจจุบันประเทศดังกล่าวกาพย์ยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควรและมีกองกำลังติดอาวุธมากมาย เป็นประเทศที่หากเลือกได้ก็ไม่มีใครที่จะต้องการไปอาศัยอยู่ แต่จะเป็นอย่างไรหากคุณนั้นได้รับภารกิจสุดอันตรายที่จะต้องเข้าไปทำในประเทศอิรัก
แนะนำภาพยนตร์สงคราม Mosul
Mosul จะเป็นภาพยนตร์ที่พาคุณเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นในสงครามอิรักบ้าง ชื่อของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มาจากชื่อในเมืองที่เกิดเหตุการณ์ภายในภาพยนตร์ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศอิรัก โดยโปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้คืออดีตผู้กำกับ Avenger End Game นั่นก็คือพี่น้องตระกูล Russo
ในครั้งนี้พวกเขามาในผลงานที่แตกต่างออกไปแม้ว่าจะเป็นการต่อสู้เช่นเดียวกัน แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเน้นหนักไปในด้านของความสมจริงมากกว่า เป็นการนำเอาบทความที่มีชื่อว่า The Desperate Battle to Destroy ISIS เคยได้ตีพิมพ์ในนิตยสารเดอะนิวยอร์กเกอร์ซึ่งออกเป็นรายสัปดาห์
เล่าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับหน่วยสวาทที่เข้าไปปฏิบัติภารกิจทวงคืนพื้นที่อยู่อาศัยซึ่งถูกยึดครองโดยกลุ่มก่อการร้ายชื่อดังที่มีชื่อว่าไอซิส แม้ว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่กำกับโดยผู้กำกับจากอเมริกาและเป็นภาพยนตร์ที่ตั้งใจจะฉายในอเมริกาด้วย
แต่ทางผู้กำกับกับเลือกที่จะเน้นความสมจริงถึงขั้นที่ให้ตัวละครพูดเป็นภาษาถิ่นนั่นก็คือภาษาอิรักตลอดทั้งเรื่อง โดยที่ไม่ได้คำนึงหรือสนใจเลยว่าผู้ชมในอเมริกานั้นเป็นผู้ชมที่ไม่ชอบในการอ่าน subtitle
ดังนั้นยอดขายตั๋วในอเมริกาอาจไม่ดีเท่าที่คิด แต่อย่างไรก็ตามการตัดสินใจเช่นนี้ก็ทำให้ภาพยนตร์นั้นดูมีความสมจริงเป็นอย่างมาก ใช้วิธีการถ่ายทำที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังรับชมข่าวหรือสารคดีสงครามยิ่งเพิ่มความสมจริงมากขึ้นไปอีก
เรื่องราวและการเล่าเรื่องภายในภาพยนตร์เรื่อง Mosul
Mosul จะเล่าถึงเรื่องราวของตำรวจนายหนึ่งที่มีชื่อว่าคาวา แม้ว่าจะเป็นตำรวจแต่เขานั้นก็อ่อนประสบการณ์ทำให้ต้องอยู่ในสถานการณ์คับขันเสมอ เขาได้หน่วยสวาทที่มีชื่อว่ามิเนเวห์ช่วยชีวิตเอาไว้ โดยกลุ่มสวาทกลุ่มนี้กลุ่มสุดท้ายที่คอยต่อต้านผู้ก่อการร้ายอย่างไอซิส ณ เมืองโมซุล ประเทศอิรัก
ทำให้เขานั้นได้รู้จักกับผู้พันจาเซมและได้ถูกเชิญชวนให้เข้าปฏิบัติภารกิจร่วมกับกลุ่มซึ่งเป็นภารกิจสุดท้ายแต่ยังไม่มีใครทราบถึงจุดหมายปลายทางของมันว่าจะเป็นอย่างไร เปิดฉากภาพยนตร์มาผู้รับชมก็จะได้เห็นดงกระสุนมากมายที่ทางกลุ่มไอซิสนั้นระดมยิงแบบหูดับตับไหม้ใส่กลุ่มตำรวจ
แม้ว่าจะเปิดตัวมาด้วยฉากแอ็คชั่นตระการตาที่จะทำให้ผู้รับชมนั้นเข้าใจผิดได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นแนวรับชมเอามันส์ แต่ความจริงแล้วมันเป็นภาพยนตร์สงครามที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความตึงเครียด โดยเฉพาะหลังจากที่คาวานั้นได้รับชวนให้เข้ามาทำภารกิจโดยไม่ทราบที่มาที่ไป
ด้วยความอ่อนประสบการณ์ยิ่งทำให้ผู้รับชมนั้นตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นว่าเขาจะสามารถรับมือกับภารกิจที่ได้รับได้หรือไม่ ยังไม่ทันที่จะเข้าใจอะไรเขาก็ถูกส่งไปยังแนวหน้าโดยที่ไม่ทราบเลยว่าภารกิจนั้นคืออะไรกันแน่ ไม่ว่าเขาจะถามเพื่อนร่วมหน่วยอย่างไรก็ไม่เคยได้รับคำตอบกลับมา
นั่นก็เป็นเพราะว่าทหารภายในหน่วยนั้นยังไม่ได้ไว้ใจเขาอย่างเต็มที่ ยิ่งปฏิบัติภารกิจก็ยิ่งสับสนและทำให้เกิดคำถามมากมายว่าสุดท้ายแล้วเป้าหมายของภารกิจดังกล่าวนั้นคืออะไร หากใครที่อยากได้คำตอบว่าภารกิจนั้นคืออะไร มีความสำคัญมากแค่ไหน สามารถติดตามรับชมได้ในภาพยนตร์เรื่อง Mosul
Mosul ภาพยนตร์ที่ทำให้เรานั้นตั้งคำถามว่าสงครามแท้จริงแล้วให้อะไรกับมนุษยชาติบ้าง
เคยมีคนกล่าวว่าสงครามนั้นแม้แต่ผู้ชนะก็ยังเป็นผู้แพ้เพราะมันมีแต่เสียกับเสีย หากมองในภาพรวมแล้วสงครามไม่ได้ทำเพียงแค่ให้คนเสียชีวิตเท่านั้น แต่ยังทำให้เศรษฐกิจเสียสมดุล สูญเสียทรัพยากรมากมาย ธรรมชาติเกิดความเสียหายโดยเฉพาะในสงครามนิวเคลียร์
บางครั้งสิ่งที่ต้องแลกไปในสงครามนั้นก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลเลยแม้แต่น้อย คำถามเหล่านี้ถูกตั้งขึ้นในภาพยนตร์เรื่อง Mosul เช่นเดียวกัน เพราะในบางสถานการณ์นั้นก็ทำให้ผู้รับชมรู้สึกว่าสิ่งที่สูญเสียไปแล้วกลับได้และคืนมาด้วยความว่างเปล่าหรือสิ่งที่เราเองก็ไม่อาจคาดเดาได้เช่นเดียวกัน
ในภารกิจที่ตัวละครได้ทำในภาพยนตร์นั้นก็มีหลายสิ่งอย่างที่จะต้องแลกมาเพื่อให้สามารถทำภารกิจได้สำเร็จซึ่งรวมไปถึงชีวิตของผู้คนด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่าสรุปแล้วเป้าหมายของภารกิจนี้มีความสำคัญมากพอและยิ่งใหญ่เพียงพอที่จะแลกด้วยชีวิตของมนุษย์ด้วยกันหรือไม่
ส่วนคำตอบจะเป็นอย่างไรนั้นก็คงแล้วแต่มุมมองของผู้รับชมว่าคิดเห็นกันอย่างไร ถือว่าเป็นวิธีการที่นำเสนอได้อย่างชาญฉลาดเลยไม่น้อย เพราะด้วยความสมจริงของมันทำให้เรานั้นรู้สึกเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครต่างๆ ภายในภาพยนตร์มากยิ่งขึ้นและทำให้เรารู้สึกผูกพันกับตัวละคร
เวลาที่เกิดการสูญเสียขึ้นมาย่อมส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้รับชมอย่างแน่นอน ยิ่งทำให้เราตั้งคำถามต่อตัวเองมากยิ่งขึ้นและอาจเปลี่ยนมุมมองของเราที่มีต่อสงครามไปเลยก็ได้เช่นเดียวกัน