รีวิว หนัง Where We Belong
รีวิว หนัง Where We Belong หนังแนวดราม่าที่ได้นักแสดงจากวง BNK48
การเป็นไอดอลในประเทศไทยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าการแข่งขันจะไม่สูงเมื่อเทียบกับประเทศต้นแบบอย่างประเทศญี่ปุ่น แต่การเป็นไอดอลนั้นทำให้มีภาพลักษณ์ที่เป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก ที่ถึงแม้ว่าจะมีความสามารถในการร้องหรือเต้น แต่ก็มักจะถูกสบประมาทในสามารถด้านอื่นๆ เสมอ
ไม่เว้นแม้แต่วงไอดอลชื่อดังที่สุดในประเทศไทยที่ใครๆ ก็รู้จักอย่าง BNK48 พวกเธอนั้นมักจะถูกกังขาในความสามารถเกี่ยวกับการแสดง ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นที่มีสมาชิกบางคนได้รับบทนำในภาพยนตร์หรือซีรีส์เรื่องต่างๆ แต่ในที่สุดพวกเธอนั้นก็สามารถพิสูจน์ฝีมือว่าพวกเธอคู่ควรแก่การรับบทเป็นนักแสดงนำในซีรีส์หรือภาพยนตร์นั้นๆ
Where We Belong เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ได้นักแสดงนำทั้งสองคนจากวง BNK48 ประกอบไปด้วยเจนนิษฐ์และมิวสิค ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แนวดราม่า ที่ออกฉายตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2019 ด้วยความที่ไม่ได้เป็นแนวภาพยนตร์ยอดนิยมในประเทศไทย ทำให้ในช่วงแรกที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมายังไม่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมากขนาดนั้น
แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้พิสูจน์ฝีมือของทั้งทีมสร้างและนักแสดงโดยการคว้ารางวัลภาพยนตร์มาได้มากมาย และมีการบอกกันแบบปากต่อปากถึงความดีงาม โดยเฉพาะในการเล่าเรื่องแบบ coming-of-age ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นภาพยนตร์ที่สามารถเล่นกับอารมณ์ของผู้รับชมได้เป็นอย่างดี
มีจุดที่สามารถปลดล็อคความรู้สึกของผู้รับชมได้และยังสามารถสร้างแรงกระเพื่อมในจิตใจของผู้รับชมได้อีกด้วย ทำให้ถึงแม้ว่าการเล่าเรื่องจากค่อนข้างเนิบ แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกอยากรู้อยากเห็น และอยากจะติดตามว่าตอนจบของเรื่องจะเป็นอย่างไร
ในแง่ของการแสดงของสมาชิกวงไอดอลทั้งสองคนนั้นต้องบอกว่าสามารถทำออกมาได้ดีจนน่าเหลือเชื่อ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าบทบาทของทั้งสองคนภายในเรื่องนั้นเป็นเพื่อนสนิทกัน และทั้งสองคนนั้นก็เป็นเพื่อนร่วมวงกันมาก่อน ทำให้ผู้รับชมสามารถเชื่อในการแสดงได้ว่าทั้งสองคนนั้นเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากจริงๆ ไม่เพียงเท่านั้นพวกเธอยังสามารถสลัดภาพไอดอลออกไปได้อย่างหมดจดอีกด้วย
เรื่องราวของเพื่อนสนิทในภาพยนตร์เรื่อง Where We Belong
Where We Belong เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวของเด็กสาวที่มีชื่อว่าซู เธอนั้นเป็นลูกสาวของเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังประจำจังหวัด เธอนั้นมีเพื่อนสนิทอยู่หนึ่งคนที่มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่เสมออย่างเบล พวกเธอนั้นสนิทสนมและรู้จักกันเป็นอย่างดีแต่ก็มีเรื่องราวในอดีตเช่นเดียวกัน
แม้ว่าชีวิตของซูจะไม่ได้ลำบากอะไร แต่เธอก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเธอซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ ความรู้สึกนี้ทำให้เธอนั้นต้องการที่จะออกจากความเป็นอยู่แบบเดิม เธอจึงตัดสินใจเข้าร่วมการสอบชิงทุนการศึกษา ที่จะทำให้เธอได้จากสถานที่แห่งนี้เป็นเรียนในประเทศฟินแลนด์
เธอตัดสินใจที่จะจัดการทุกอย่างเรื่องการไปเรียนต่อต่างประเทศด้วยตนเองและไม่ได้บอกพ่อให้รับทราบ จนเธอนั้นสามารถได้รับทุนการศึกษาในครั้งนี้และเธอก็ตัดสินใจว่าเธอจะไปเรียน ทำให้พ่อของเธอได้รู้เรื่องเข้าและโกรธเธอเป็นอย่างมากจนไม่ได้คุยกันอีก
แต่อย่างไรก็ตามเธอนั้นได้เพื่อนคนสนิทอย่างเบลมาช่วยจัดกระเป๋าให้ แต่สุดท้ายแล้วเธอนั้นก็เลือกที่จะจัดการเรื่องราวที่ค้างคาในอดีตให้เรียบร้อยโดยเฉพาะกับเพื่อนสนิท แต่เรื่องราวมันกลับไม่ได้ราบรื่นและเต็มไปด้วยอุปสรรค จนทำให้สุดท้ายแล้วผลที่ออกมานั้นแทบจะคาดเดาไม่ได้
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง Where We Belong
Where We Belong เป็นภาพยนตร์ไทยที่ติดอันดับ 1 ใน 29 ที่ได้รับการคัดเลือกจากโครงการภาพยนตร์ให้ได้เข้าร่วมงาน Asian Project market ซึ่งจัดขึ้นภายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ในปี 2561 ที่ผ่านมา
ไม่เพียงเท่านั้นภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสามารถคว้ารางวัล CJ Entertainment Awards ได้อีกด้วยและได้รับรางวัลเป็นเงินสดสูงถึงหนึ่งหมื่นเหรียญสหรัฐ และด้วยรางวัลเหล่านี้เองที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความนิยมในประเทศไทยอีกครั้งหลังจากออกฉายมานาน
รูปแบบการเล่าเรื่องนั้นสามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดีมีจุดเชื่อมโยงระหว่างสิ่งของและตัวละครที่สามารถสะท้อนความคิดของพวกเขาและทัศนคติออกมาได้อย่างชัดเจน อย่างเช่นการที่ซูชิมีทัศนคติกับหม้อก๋วยเตี๋ยวที่เธอเห็นมาตั้งแต่เกิด หรือเบลที่ต้องการทำหน้าที่เพื่อนของซูให้ดีที่สุด
ทำให้ผู้รับชมนั้นได้สัมผัสถึงความสมจริงเป็นอย่างมากของการก้าวข้ามผ่านวัยรุ่นของเด็กทั้งสองคน แม้ว่าจะดูเป็นภาพยนตร์แนวอินดี้ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีอารมณ์ค่อนข้างจะครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นความรัก ความเหงา ความเศร้า หรือแม้แต่มุกตลก
อีกหนึ่งความเป็นไปได้ที่ทำให้ช่วงแรกภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร อาจเกิดจากการที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายเฉพาะในโรงภาพยนตร์ SF Cinema เท่านั้น ทำให้ถึงแม้ว่าจะดึงตัวนักแสดงในวงไอดอลชื่อดังมารับบทนำและสามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดีแต่มันก็ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร
แต่สุดท้ายแล้วเวลาและรางวัลก็สามารถการันตีความสามารถของภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาได้เป็นอย่างดี ดังนั้นสำหรับใครที่อยากรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ปัจจุบันสามารถหารับชมได้บน netflix แล้ว
ตัวอย่างหนัง Where We Belong
หนัง Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า
การกลับมาแบบเต็มตัวของผู้กำกับ คงเดช จาตุรันต์รัศมี นับจากหนังเรื่องหลังสุดอย่าง Snap (2558) เข้าฉาย ก็เกือบ 4 ปีเต็ม ๆ แล้วที่เขาห่างหายไปในฐานะผู้กำกับหนัง โดยความพิเศษครั้งนี้ยังเป็นการจับมือกับ BNK 48 Films โดยได้นำ เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ จับคู่กับ มิวสิค แพรวา สุธรรมพงษ์ มาแสดงนำ โดยยังได้ แพนด้า จิดาภา แช่มช้อย, นํ้าหนึ่ง มิลิน ดอกเทียน, ปูเป้ จิรดาภา อินทจักร, ฝ้าย สุมิตรา ดวงแก้ว และ ตาหวาน อิสราภา ธวัชภักดี มาสมทบด้วย ถ้าจะไม่นับหนังสารคดี (อย่าง Girl Don’t Cry) นี่จึงจะเป็นหนังโรงเรื่องแรกที่มีสาว ๆ BNK48 ร่วมแสดงมากที่สุดด้วย โดยรับบทแสดงนำถึง 2 คนเลยทีเดียว
เมื่อมองเช่นนี้ ก็อาจมองได้ว่า นี่เป็นหนังของ BNK48 ส่วนหนึ่ง และหนังคงเดชอีกส่วนหนึ่ง แม้ทั้ง 2 ส่วนนี้จะกลมกลืนอย่างลงตัวอย่างแยกได้ยาก ทว่าการให้คุณค่าของหนังเรื่องนี้อย่างยุติธรรม อย่างไรเสียก็ต้องมองแยกใน 2 ส่วนนี้แยกกัน ต้องสยบยอมโดยดุษฎีว่า เจนนิษฐ์ เป็นนักแสดงที่สามารถดึงผู้ชมให้เข้าไปอินกับตัวละคร ซู ได้อย่างยอดเยี่ยม จริง ๆ โดยเนื้อแท้ตัวละครนี้มันเหมือนถ่ายทอดง่ายนะ กับเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งจบ ม.6 และยังสับสนล่องลอยกับอนาคตของตัวเอง ไม่รู้ว่าทางข้างหน้าที่อยากเดินคืออะไร รู้แต่เพียงรอยย่ำเท้าจากอดีตที่นำพาเธอมาถึงปัจจุบันนั้น เป็นส่งที่เธอไม่พึงใจ
และอยากก้าวหนีออกไปโดยไว และการชิงทุนไปฟินแลนด์ โดยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับประเทศปลายทางเลยนั้นก็คือคำตอบทั้งหมดแล้ว ตัวละครนี้จึงอยู่ในสภาวะพร้อมออกวิ่งแต่ก็เหม่อลอยเหมือนครุ่นคิดและซ่อนตัวถีบตัวเองออกจากปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา บางคนอาจมองว่าการลอย ๆ เช่นนี้เป็นกริยาที่ไม่ได้ซับซ้อน และถ่ายทอดออกแบบทื่อ ๆ ก็เพียงพอประคองตัวไปกับแนวหนังของผู้กำกับแล้ว แต่เจนนิษฐ์ก็ทำให้เราตระหนักว่านี่ไม่ใช่บทที่ง่าย เพราะหนังความยาวเกือบ 2 ชั่วโมง ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะใช้แค่ความสวยน่ามองแล้วเล่นพอประคองไปได้จนจบโดยคนไม่เบื่อหน่าย เจนนิษฐ์สามารถถ่ายทอดแง่ลึกของตัวละครผ่านการมอง การยิ้ม การพูดที่เว้นจังหวะคิดหลายครั้ง และในฉากที่เปิดโอกาสให้เธอระเบิดด้านดิ่งลึกของตัวละครออกมา เธอก็เก็บโอกาสนั้นไว้ได้อย่างน่าจดจำ