รีวิว หนัง Underworld
รีวิว หนัง Underworld ปฐมบทต้นกำเนิดแวมไพร์สาวที่กลายมาเป็นภาพยนตร์ภาคต่ออย่างยาวนาน
ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ส่วนใหญ่แล้วก็มักที่จะพยายามทุ่มทุนสร้างอย่างเต็มที่เพื่อที่จะให้มันออกมาดีที่สุดเนื่องจากเหล่าผู้สร้างมีความคาดหวังว่าทั้งตัวละครที่พวกเขาพยายามกันมาอย่างหนักหน่วงนั้นจะทำให้ผู้รับชมรู้สึกตกหลุมรักได้ไม่ยากด้วยเหตุนี้มันจะมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์หลายเรื่องที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามจนทำให้มีภาคต่อตามออกมามากมายถ้าพูดถึงภาพยนตร์แวมไพร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะหนึ่งหลายคนก็อาจจะนึกถึงแวมไพร์ทไวไลท์
แต่มีความจริงแล้วมีภาพยนตร์แวมไพรอีกหนึ่งเรื่องที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากแถมยังมีการออกภาคต่อตามออกมาไม่แพ้กันเลยทีเดียวนั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง Underworld ภาพยนตร์ในปี 2003 ที่กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการกำเนิดแวมไพร์สาวที่ได้รับความนิยมและมีการออกภาคต่อตามมามากมายกันอย่างยาวนานนับ 10 ปีเลยทีเดียว แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เน้นเล่าเรื่องราวเหมือนกับแวมไพร์ทไวไลท์ แต่อย่างใดมันแทบจะไม่มีการสอดแทรกเรื่องราวความรักเข้ามาเลยแม้แต่น้อย
เพราะเรื่องราวที่เล่าถึงนั้นจะพูดถึงสงครามความขัดแย้งระหว่างสองเผ่าพันธุ์นั้นก็คือแวมไพร์และไลแคนท์มันเป็นสงครามเต็มไปด้วยความสนุกสนานผสมผสานระหว่างความเป็นแวมไพร์ยุคกลางเข้ากับความทันสมัยในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดีเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่ชอบภาพยนต์แนวต่อสู้เหนือธรรมชาติอย่าง Van Helsing รับรองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะสามารถมอบความสนุกสนานให้กับคุณได้อย่างแน่นอนและที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นก็คือภาพยนตร์เรื่องนี้มีตัวละครหลักเป็นผู้หญิงผู้ชายที่ชื่นชอบผู้หญิงดูก็ชื่นชอบได้เช่นเดียวกัน
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง Underworld
Underworld เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีชื่อว่าเซลีนแม้ว่าภายนอกของเธอนั้นจะดูเหมือนกับหญิงสาวที่สวยงามทั่วไป แต่ความเป็นจริงแล้วเธอนั้นเป็นถึงนักรบในเผ่าพันธุ์ของแวมไพร์เลยทีเดียวทำให้เธอนั้นมีพลังเหนือธรรมชาติและมีความสามารถในการต่อสู้ชนิดหาตัวจับได้ยากในวันหนึ่งเธอได้บังเอิญเข้าไปช่วยเหลือแพทย์หนุ่มมนุษย์คนหนึ่งที่มีชื่อว่าไมเคิลหลังจากที่เขานั้นโดนพวกไลแคนท์เป็นพวกเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่า
ที่ไม่ถูกโฉลกกับแวมไพร์มาตั้งแต่ไหน แต่ไรตามไล่ล่าจะเอาชีวิตไม่มีใครรู้เลยว่าเพราะเหตุใดไมเคิลจึงถูกมนุษย์หมาป่าตามไล่ล่า แต่ความวุ่นวายก็ตามมาเมื่อแวมไพร์สาวกลับตกหลุมรักมนุษย์หนุ่มผู้นี้เข้าเพราะหลังจากนั้นอีกไม่นานเขาก็ถูกไลแคนท์ตามไล่ล่าอีกครั้งและถูกกัดในที่สุดมันได้เปลี่ยนให้ชายหนุ่มธรรมดาทั่วไปกลายเป็นมนุษย์หมาป่าในทันทีโดยปกติแล้วแวมไพร์และมนุษย์หมาป่านั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่ถูกกันมา แต่ไหน
แต่ไรแล้วเมื่อเจอกันทีไรก็ต้องกลายเป็นปัญหาทุกที่ทำให้ไม่เคยสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ด้วยความที่นักรบแวมไพร์สาวนั้นตกหลุมรักในขึ้นเข้าแล้วเหตุนี้เธอจึงจำเป็นต้องตัดสินใจว่าจะช่วยเหลือเขาหรือไม่เพราะนั่นคือการทำผิดกฎของเผ่าพันธุ์ของเธอไม่เพียงเท่านั้นเธอยังต้องช่วยเหลือโลกใบนี้เอาไว้ให้สำเร็จจากแผนชั่วร้ายของเหล่ามนุษย์หมาป่าอีกด้วยสุดท้ายแล้วเธอจะสามารถทำภารกิจได้สำเร็จหรือไม่แล้วความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับไมเคิลจะเป็นอย่างไรต้องไปติดตามรับชมกันต่อในภาพยนตร์
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง Underworld
Underworld เป็นภาพยนตร์แนวต่อสู้แฟนตาซีที่สามารถใช้ตัวละครผู้หญิงเป็นตัวดำเนินเนื้อเรื่องหลักได้อย่างยอดเยี่ยมไม่ทำให้ผู้รับชมอย่างเรารู้สึกขัดหูขัดตา แต่อย่างใดไม่เพียงเท่านั้นภาพยนตร์ยังสามารถออกแบบองค์ประกอบทั้งหมดออกมาได้อย่างกำลังพอดีช่วยให้เรานั้นมีภาพตัวละครหลักที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นด้วยการผสมผสานความเป็นแวมไพร์สไตล์ยุคกลางผสมผสานกับความเป็นแวมไพร์ในยุคสมัยใหม่ด้วยการใช้ชุดหนังสีดำแบบรัดรูปคล้ายกับตัวละครในภาพยนตร์เรื่อง The Matrix
หอประกอบเข้ากับการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมยิ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้นภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เกิดภาพยนตร์ในแฟรนไชส์เดียวกันตามมาอีกมากมายดังนั้นหากคุณกำลังสนใจหาภาพยนตร์รับชมกันแบบยาว ๆ เราขอแนะนำว่าเริ่มต้นที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ดีไม่น้อยเพราะมันจะช่วยลบภาพจำภาพยนตร์แวมไพร์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวความรักโรแมนติกออกไปและทำให้เรานั้นได้สัมผัสกับการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นระหว่างแวมไพร์และมนุษย์หมาป่า
สิ่งที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือมีบางช่วงของภาพยนตร์ที่ค่อนข้างจะดำเนินเรื่องราวช้ามันทำให้ผู้รับชมรู้สึกเบื่อหรือง่วงได้เล็กน้อยโดยเฉพาะฉากที่เน้นการพูดคุยกันดูแล้วเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะกับภาพยนตร์แนวต่อสู้ล้างผลาญสักเท่าไหร่ แต่ทุกอย่างจะจบลงในทันทีหากเข้าสู่ฉากต่อสู้เนื่องจากภาพยนตร์สามารถทำออกมาได้ดีเป็นอย่างมากดังนั้นสำหรับใครที่ชอบภาพยนตร์แนวต่อสู้สุดแฟนตาซีเราจึงอยากจะแนะนำให้คุณได้ลองรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ดูรับรองว่ามันจะทำให้คุณต้องติดใจและไปตามรับชมภาพยนตร์ภาคต่ออย่างแน่นอน
ตัวอย่างหนัง Underworld
รีวิว หนัง Underworld บางส่วนจาก beartai
ภาพยนตร์เรื่อง Underworld นำแสดงโดย Kate Beckinsale (เคท เบคคินเซล) เข้าฉายในบ้านเราทั้งหมด 5 ภาค
“2003 – Underworld, 2006 – Underworld : Evolution, 2009 – Underworld : Rise of the Lycans, 2012 – Underworld : Awakening และปัจจุบัน 2016 – Underworld : Blood wars”
โดยเนื้อเรื่องกล่าวถึงต้นกำเนิดของแวมไพร์และมนุษย์หมาป่า(ไลเค่น) ความรัก ความแค้นและการต่อสู้เพื่อครอบครองอำนาจ รวมถึงจุดเด่นที่สุดก็คือการผสมข้ามสายพันธุ์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเองได้มีอำนาจสูงสุดเหนือผู้อื่น ที่สำคัญยังได้มีการแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของเหล่าผู้มีชีวิตรอดจากยุคก่อนถึงปัจจุบัน ในการสรรสร้างเทคโนโลยีเพื่อป้องกันตัวและพรรคพวกเพื่อความเป็นอมตะ
“Blood Wars” ภาคต่อของ “Awakening” ที่ใครเห็นคะแนนรีวิวจากเหล่าเว็บไซต์ชื่อดังแล้วคงอยากปาตั๋วที่จองไว้ทิ้งซะ แต่เดี๋ยวก่อน! จากมุมมองของผู้เขียนเองที่ไม่ได้เป็นแฟนของหนังเรื่องนี้กลับรู้สึกสนุกและมันส์สะใจดีไม่น้อย เป็นหนังภาคต่อที่ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด 100% เนื่องจากเนื้อเรื่องไม่ได้ซับซ้อนมากนักและเน้นฉากต่อสู้คุมโทนสีฟ้าๆ เสมอต้นเสมอปลาย โปรยกระสุนยับเยี่ยงข้าวสารเสก ฟันกันเลือดสาด ผ่ากรีด ควักเครื่องในจนถูกจัดอยู่ในหมวด “Horror” แต่ที่ขัดใจคนดูส่วนใหญ่น่าจะเป็นเรื่องราวของ “ไมเคิล” และ “อีฟ” สามีและลูกของ “เซลีน” ภาคที่แล้วบทส่งมาให้สองตัวละครนี้มีพลังที่โดดเด่นมากจนทำให้เกิดเป็น Blood Wars หรือ “ศึกชิงเลือด” เพราะผู้หวังอำนาจต่างอยากได้เลือดจากเหล่าพ่อแม่ลูกบ้านนี้กันทั้งสิ้น แต่ภาคนี้กลับแทบไม่เห็นแม้เงาของสองตัวละครนี้นอกเสียจากในภาพความทรงจำเท่านั้น
ทำให้ถูกเหล่าแวมไพร์กล่าวหาว่าเป็นผู้ทรยศแถมยังโดนเหล่า “ไลเค่น” ตามล่าเพราะผู้นำสูงสุด “แมเรียส(Tobias Menzies)” อยากได้เลือดของ “อีฟ(India Eisley)” จึงมีคำสั่งให้จับเป็น “เซลีน” เพื่อหวังจะให้บอกที่ซ่อนของลูก… ซึ่งไม่มีทางที่ “เซลีน” จะบอกแน่นอน ในตอนนี้มีแค่ “เดวิด(Theo James)” ลูกชายของ “โธมัส(Charles Dance)” ที่เธอเคยช่วยเหลือให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งนึงเป็นพวกเพียงคนเดียว ทั้งสองเดินทางไปยังสถานที่ในตำนานทางเหนือ ดินแดนแห่งความสงบสุขและหนาวเหน็บที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งเพื่อลี้ภัยจากทั้งเหล่าแวมไพร์และไลเค่น สถานที่นี้เองทำให้ “เซลีน” แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเหมือนที่เราเห็นตามภาพตัวอย่างหนังว่าสีผมเปลี่ยนไปเพราะได้รับพลังใหม่เข้ามา แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ “เซลีน” ที่มีพลังมากขึ้น “แมเรียส” ผู้นำไลเค่นคนใหม่ก็เช่นกัน สงครามที่ทุกคนมีแต่ความแข็งแกร่งในภาคนี้จะลงเอยเช่นไรแฟนๆ หนังเรื่องนี้คงไม่ต้องลุ้นอะไรมากเนื่องจากภาคนี้ก็เป็นเนื้อเรื่องที่ปูเผื่อไว้สำหรับภาคต่อไปที่(น่าจะ)เข้มข้นขึ้นนั่นเอง
อย่างที่บอกไปว่าตัวเนื้อเรื่องของภาคนี้ไม่ได้เดินไปไกลนักแต่มีตัวละครที่โดดเด่นชัดขึ้นว่าน่าจะมีบทบาทสำคัญในภาคต่อไป เห็นจะเป็น “อีฟ(India Eisley)“, “เดวิด(Theo James)“, “วาร์ก้า(Bradley James)” และ “เลน่า(Clementine Nicholson)” สมาชิกจากฝั่งแวมไพร์ที่ดูมีความสามารถมากกว่าใคร นอกจากตัวละครที่โดดเด่นขึ้นมาแล้ว ยังมีหลายตัวละครที่จะจากเราไปในภาคนี้อีกด้วย เนื้อเรื่องร่ายมาแบบไม่น่าเบื่อเนื่องจากไม่ได้มีบทพูดมากนักแต่กลับเข้าใจได้ง่าย กระชับรวดเร็ว เอาเป็นว่าสำหรับแฟนหนังแฟรนไชส์เรื่องนี้น่าจะให้ซัก 6.5/10 เพราะบางฉากมันก็น่าขัดใจซะเหลือเกินเหมือนอยากจะตัดๆ ให้จบไปซะอย่างนั้น แต่ถ้าเข้าไปดูแบบไม่หวังอะไรมากเนื่องจากไม่ใช่แฟนหนังเรื่องนี้แบบผู้เขียนก็ขอให้ 8/10 ในเรื่องของจังหวะการต่อสู้ ความตื่นเต้น และแสงสีเสียงที่มาเต็ม เพราะถือเป็นหนังแอคชั่นที่บู๊กันตลอดทั้งเรื่องแทบไม่เว้นให้หายใจเลยทีเดียว
สุดท้ายถ้าถามว่าแฟนๆ หนัง Underworld ควรดูหรือไม่ ตอบเลยว่ามาก! เพราะหากไม่ดูภาคนี้ภาคต่อไปจะดูไม่รู้เรื่อง เนื่องจากมีตัวละครเกิดใหม่และจากไปมากมายดังที่เล่าไป เพราะฉะนั้นไปดูกันเถิดจะเกิดผล