รีวิว หนัง TREES OF PEACE
รีวิว หนัง TREES OF PEACE ภาพยนตร์อินดี้ที่จะเล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในวันดา
เราอาจรู้จักเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่โด่งดังในระดับโลกไม่ว่าจะเป็นค่ายกักกันนาซีที่เข็นฆ่าชาวยิวไปเป็นจำนวนนับล้านคน หรือแม้แต่ KILLING FIELDS ในประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างเขมรที่จะผู้เห็นต่างทางการเมืองรวมไปถึงผู้ที่มีการศึกษาไปฆ่าล้างเพื่อไม่ให้เกิดการต่อต้าน แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่คนอาจจะไม่รู้จักสักเท่าไหร่แต่ก็นับว่าเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญระดับโลกนั้นก็คือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดาที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างคนทั้งสองเผ่าที่อยู่ในประเทศเดียวกันจนทำให้มีผู้คนตายนับล้าน
เคยมีภาพยนตร์นำเอาเรื่องราวในประวัติศาสตร์มาสร้างใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในครั้งนี้เรื่องราวดังกล่าวว่าจะถูกนำเอากลับมาเล่าใหม่อีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง TREES OF PEACE แต่ที่น่าสนใจก็คือเรื่องนี้ไม่ได้ยินประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียวแต่ยังทำออกมาในลักษณะของภาพยนตร์อินดี้อีกด้วย มันเป็นภาพยนตร์ที่เคยถูกฉายในงานเทศกาลภาพยนตร์หลากหลายเทศกาลในปี 2021 ที่ผ่านมา ก่อนที่ทาง NETFLIX จะซื้อลิขสิทธิ์มาลงให้เราได้รับชมกัน
ดังนั้นมันจึงมีความแตกต่างจากภาพยนตร์ที่อ้างอิงถึงประวัติศาสตร์ดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง เราจะไม่ได้เห็นฉากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เต็มไปด้วยความน่าสยดสยองและความน่าเศร้าที่คนประเทศเดียวกันต้องหยิบอาวุธขึ้นมาฆ่าล้างกันเอง แต่จะเล่าผ่านตัวละครของหญิงสาวทั้ง 4 คนที่ติดอยู่ในห้องใต้ดินเพื่อเอาชีวิตรอดท่ามกลางเหตุการณ์ที่เต็มไปด้วยความเลวร้าย เรื่องราวทั้งหมดจึงจะสะท้อนออกมาผ่านคำพูดของตัวละครตั้งแต่ต้นจนจบ
และหากใครกำลังคิดว่านี่คือภาพยนตร์ต้นทุนต่ำแบบโลเคชั่นเดียวคนคิดถูกต้องแล้ว มันเป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวผ่านการสนทนาในห้องแคบๆ ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ในช่วงแรกคุณอาจรู้สึกเบื่อไปบ้างแต่หากคุณรับชมไปสักพักรับรองเลยว่าคุณจะได้สัมผัสถึงความหดหู่อย่างแท้จริงได้แน่นอน
หนังอินดี้ แนะนํา
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง TREES OF PEACE
TREES OF PEACE เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวจากเขาคงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นในประเทศรวันดาที่มีชาวฮูตูในประเทศกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 25 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือนั้นคือชาวทุตซี่ที่เป็นชนกลุ่มน้อย แต่พวกเขานั้นเป็นชนชั้นนำที่อยู่ในระดับปกครองมาอย่างยาวนานเนื่องจากได้รับสิทธิ์จากกลุ่มคนขาวที่มาล่าอาณานิคมตั้งแต่สมัยอดีต ทำการแบ่งแยกเผ่าพันธุ์พวกเขาโดยพิมพ์ลงบนบัตรประชาชน
ความขัดแย้งนั้นฝังรากลึกจนนำไปสู่เหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อยจากการผิดใจกันทางการเมือง ภาพยนตร์จะเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ในรวันดาให้เราได้เข้าใจแบบคร่าวๆ ก่อนที่จะพาเราเข้าไปยังห้องใต้ดินซึ่งเป็นผู้หญิงทั้ง 4 คนที่เดินทางเข้ามาหลบภัย ทั้ง 4 คนนั้นแตกต่างกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ สีผิว เผาผลาญ หรือแม้แต่ความคิด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของผู้รอดตายในเหตุการณ์ดังกล่าว
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง TREES OF PEACE
TREES OF PEACE เป็นภาพยนตร์อินดี้ที่สามารถกวาดรางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์มาได้มากมายแถมยังมีเรื่องราวน่าสนใจที่อ้างอิงเค้าโครงประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่มันเป็นหนังดีที่ถูกลืมไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยแต่ทั่วทั้งโลก ไม่มีใครที่จะรู้จักภาพยนตร์เรื่องนี้เลย แม้แต่ในสื่อนอกก็ยังแทบจะไม่มีรีวิวให้เราได้รับชม แต่ขอการันตีเลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ดีและคู่ควรแก่การรับชมอย่างแน่นอน
ด้วยความที่มันเป็นภาพยนตร์แนวอินดี้ที่มีต้นทุนต่ำทำให้การเล่าเรื่องราวจึงจำกัดอยู่แค่ 1 โลเคชั่นเท่านั้น แม้ว่าจะมีฉากที่เล่าถึงเรื่องราวข้างนอกอยู่บ้างแต่ก็เป็นเฉพาะตอนต้นเรื่องที่พยายามเล่าให้เราได้รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในโลกภายนอก แน่นอนว่ามันจึงไม่ได้มีฉากที่เต็มไปด้วยความระทึกขวัญในการเอาชีวิตรอดแต่อย่างใด แต่มันกลับสามารถบีบคั้นหัวใจผู้รับชมและทำให้รู้สึกหดหู่ได้ไม่ยากด้วยการได้ยินเสียงหรือแม้แต่มองเห็นผ่านห้องเล็กๆดังกล่าวเท่านั้น
การเล่าเรื่องราวจึงจะเล่าผ่านบทพูดของตัวละครทั้ง 4 ที่ติดอยู่ในห้องเดียวกันซึ่งประกอบไปด้วยสาวชาวทุตซี ชาวฮูตู และอเมริกา หาทั้ง 3 คนขึ้นไปด้านบนรับรองว่าพวกเขาจะถูกฆ่าทั้งหมดอย่างแน่นอนเนื่องจากพวกเขาทั้ง 4 คนนั้นวางตัวเป็นกลางไม่เลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สิ่งที่ภาพยนตร์พยายามจะสื่อให้เราได้รับทราบก็คือความโหดร้ายในเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ทำให้สาวทั้ง 4 คนที่แม้ว่าจะเผชิญเหตุการณ์เดียวกันแต่ก็ไม่ได้ถูกกันเสียทีเดียว
แต่ด้วยความที่พวกเธอต้องอยู่ด้วยกันพวกเธอจึงเริ่มเรียนรู้ในการให้อภัยและปรับความคิดเข้าหากันและกันซึ่งเป็นพื้นฐานที่จะทำให้มนุษย์สามารถอาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข แต่ละวันจะเต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่สามารถละลายพฤติกรรมของแต่ละคนออกมา แถมยังมีจังหวะที่สามารถทดสอบจิตใจของตัวละครผ่านบางเหตุการณ์ได้อีกด้วย
สิ่งที่ต้องยอมรับก็คือแม้ว่ามันจะเป็นภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมและน่าสนใจมากแค่ไหนก็ตาม แต่ด้วยรูปแบบการเล่าเรื่องตามสไตล์ภาพยนตร์อินดี้ดังนั้นแน่นอนว่ามันย่อมมีผู้รับชมบางกลุ่มที่รู้สึกว่ามันไม่สามารถสร้างความบันเทิงให้ได้อย่างเต็มที่แต่อย่างใด แต่สำหรับใครที่ชื่นชอบเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นจริงเราขอแนะนำเลยว่าไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาด