รีวิว หนัง Top Gun Maverick

รีวิว หนัง Top Gun Maverick

รีวิว หนัง Top Gun Maverick

รีวิว หนัง Top Gun Maverick การกลับมาของ Tom Cruise และภาพยนตร์ภาคต่อที่ทิ้งเวลายาวนานนับ 30 ปี

ในอดีตเมื่อหลายสิบปีที่แล้วมีภาพยนตร์มากมายหลากหลายเรื่องที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามและมีการสร้างภาคต่อออกมาเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วภาพยนตร์เรื่องไหนที่มีการยุติการสร้างภาคต่อไปเป็นเวลายาวนานเกิน 10 ปีแล้วก็มักจะไม่ค่อยมีการนำเอากลับมาสร้างภาคต่อใหม่แต่อย่างใดเนื่องจากการทิ้งเวลายาวนานเกินไปทำให้กลุ่มผู้รับชมมีความห่างทางอายุมากขึ้นกว่าเดิม ลองจินตนาการดูว่าพ่อของคุณเคยรับชมภาพยนตร์เรื่องหนึ่งสมัยวัยรุ่นและมันก็มีการนำเอากลับมาสร้างภาคต่อในตอนนี้ที่คุณโตแล้วมันคงจะยากที่จะทำให้คนรุ่นพ่อกลับมารับชมภาพยนตร์แนวนี้ในโรงภาพยนตร์อีกครั้งเนื่องจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป 

แต่ภาพยนตร์ที่เราจะมาแนะนำในวันนี้ดังเป็นภาพยนตร์ภาคต่อในรอบ 3 ทศวรรษที่ได้ประสบความสำเร็จอย่างงดงามแถมทำออกมาได้ดีจนแทบจะไม่มีข้อติอะไรเลย นั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง Top Gun: Maverick มันเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้นักแสดงมากฝีมือที่เวลาไม่อาจทำร้ายอะไรเขาได้เหมือนกับติ๊ก เจษฎาภรณ์ อย่าง ทอมครูซ ได้กลับมาวาดลวดลายบนจอภาพยนตร์อีกครั้ง 

นับเป็นการพิสูจน์ว่าภาพยนตร์ซีรีส์ท็อปกันนั้นเป็นภาพยนตร์ที่มีจุดแข็งอย่างแท้จริงและไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอย่างยาวนานกี่ 10 ปีก็ตามพวกเขายังคงสามารถทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถดึงกลุ่มผู้ชมในยุคสมัยเก่าให้กลับมาชมภาพยนตร์ภาคต่อได้อีกครั้งแถมยังดึงแฟนภาพยนตร์รุ่นใหม่มารับชมภาพยนตร์ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย และวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง

หนังทอมครูซขับเครื่องบิน

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง Top Gun: Maverick

Top Gun: Maverick เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวในช่วง 30 ปีให้หลังหลังจากที่มาเวอริค ราชการนักบินระดับพระการในกองทัพเรือได้ห่างหายจากการขับเครื่องบินรบไปอย่างยาวนาน เขาได้กลับมายังสถานที่ที่เหมาะสมกับตนเองอีก 1 ครั้งในฐานะของนักบินทดสอบผู้กล้าหาญ ในครั้งนี้เขาได้ละทิ้งความก้าวหน้าทางหน้าที่การงานกลับมาอยู่ในหน่วยฝึก top gun สำหรับการปฏิบัติการพิเศษอีกครั้งในรูปแบบที่ไม่เคยมีนักบินคนไหนที่ยังมีชีวิตอยู่เคยประสบพบเจอมาก่อน

เขาต้องเผชิญหน้ากับรูสเตอร์ เป็นลูกชายของเรือโทกูส เพื่อนของเขาที่เสียชีวิตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาต้องเผชิญหน้ากับอนาคตที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนรวมไปถึงอดีตและความผิดพลาดที่หลอกหลอนมาจนถึงทุกวันนี้ มันทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับความกลัวที่อยู่ในเบื้องลึกของจิตใจและพยายามทำภารกิจให้สำเร็จ ซึ่งภารกิจในครั้งนี้นักบินที่ได้รับเลือกให้ร่วมบินนั้นจะต้องเสียสละอย่างถึงที่สุด

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง Top Gun: Maverick

Top Gun: Maverick เป็นการกลับมาสานต่อภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามเมื่อ 30 ปีที่แล้วได้อย่างน่าประทับใจ อย่างที่เราบอกไปว่านอกจากมันจะทำให้ผู้รับชมรุ่นเก๋าตบเท้าเข้ามารับชมในโรงภาพยนตร์ได้แล้วยังสามารถดึงกลุ่มผู้รับชมรุ่นใหม่ให้สนใจภาพยนตร์ซีรีส์เรื่องนี้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมได้อีกด้วย มันเป็นภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยลูกเล่นและเทคนิคการถ่ายทำมากมายที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ละฉากในการนำเสนอเครื่องบินรบนั้นเต็มไปด้วยรายละเอียดมากมายที่น่าจดจำแถมยังยิ่งใหญ่อลังการจนทำให้คุณรู้สึกประทับใจได้ไม่ยาก

มันเป็นภาพยนตร์ที่เราสามารถสัมผัสได้ถึงความใส่ใจของผู้กำกับในทุกกระเบียดนิ้ว มีความละเอียดแม้แต่ในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ถ่ายทอดให้เราเห็นในแต่ละฉาก การถ่ายทำฉากเครื่องบินผาดโผนนั้นสามารถทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับฝ่ายเทคนิคและฝ่ายออกแบบที่บรรยากาศทุกอย่างสามารถส่งให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ผู้รับชมรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในเครื่องบินเหล่านั้นไปด้วย 

ในขณะเดียวกันเองในส่วนของปลอมในอดีตรวมไปถึงดราม่ามากมายก็สามารถหยิบมาเล่นได้อย่างลึกซึ้ง เป็นภาพยนตร์แนวต่อสู้ที่มีซีนอารมณ์ออกมาอยู่ในระดับที่กำลังดี ไม่ยัดเยียดจนเกินไป แถมทำออกมาได้เข้ากับบรรยากาศอย่างสมบูรณ์อีกด้วย เป็นภาพยนตร์ที่คุณจะไม่สามารถละสายตาออกจากหน้าจอได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ทำที่คุณสามารถนั่งอยู่ติดกับเก้าอี้ได้ตลอดระยะเวลาของภาพยนตร์เนื่องจากคุณจะอยากรู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

สำหรับใครที่กังวลว่ามันเป็นภาพยนตร์ภาคต่อมารับชมแล้วจะเข้าใจหรือไม่ ขอบอกเลยว่าถึงแม้คุณจะไม่เคยรู้จักภาพยนตร์ซีรีส์นี้มาก่อนเลยแม้แต่น้อยแต่คุณก็ยังสามารถรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างเข้าใจลึกซึ้งๆเกี่ยวกับทุเรียนราวและทุกเหตุการณ์ การเล่าเรื่องราวยังคงไหลลื่นดี แต่หากคุณเป็นคนที่เคยรับชมภาพยนตร์ภาคเก่าๆ มาก่อนรับรองว่าคุณจะรู้สึกไปกลับเรื่องราวได้มากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอนเช่นเดียวกัน 

แต่สิ่งที่น่าเสียดายสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือบทภาพยนตร์ที่ออกมาไม่สมบูรณ์แบบสักเท่าไหร่ เรื่องราวค่อนข้างเป็นไปตามสูตรสำเร็จของภาพยนตร์แนวบล็อกบัสเตอร์ที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่หรือคาดเดาได้ยาก แต่ด้วยจังหวะการเล่าเรื่องราวที่ทำออกมาได้ดี มีการผสมผสานระหว่างการต่อสู้และดราม่าได้อย่างลงตัว มันจึงเป็นการเชื่อมเข้าหากันของเรื่องราวที่ทำให้คุณยังรู้สึกอยากจะติดตามต่อไป 

ตัวอย่างหนัง Top Gun Maverick

รีวิวหนัง Top Gun Maverick บางส่วนจาก beartai

หากจะให้รางวัลความทรหดอดทนกับหนังฟอร์มยักษ์เรื่องไหนคงหนีไม่พ้น ‘Top Gun : Maverick’ ที่ผ่านการตีลังกาหกสูง ทำวิถีโค้งต้านแรงโน้มถ่วงเพื่อรอโอกาสเหมาะ ๆ หลังการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 เพื่อเข้าฉายให้ผู้ชมพิสูจน์ความยิ่งใหญ่ของหนังภาคต่อที่ทิ้งห่างมาถึง 36 ปี ท่ามกลางข้อครหามากมายโดยเฉพาะความน่าหวาดหวั่นที่ว่าหนังแอ็กชันที่เต็มไปด้วยฮอร์โมนเพศชายแบบหนังยุค 80s จะยังมีที่ทางในตลาดหนังที่ถูกครองด้วยซูเปอร์ฮีโรหุ่นซิกซ์แพ็กและเอวเอสอยู่หรือไม่ ซึ่งถือเป็นบททดสอบที่ยากพอ ๆ กับเหล่านักบินที่ต้องผ่านสนามฝึกสุดโหดกลางเวหาเลยทีเดียว

ขนานมากับช่วงเวลาที่หนังภาคต่อเรื่องนี้ทิ้งห่างมา ในวันนี้พีท ‘มาเวอร์ริก’ มิตเชล (รับบทโดย ทอม ครูซ Tom Cruise) ยังคงจมปลักกับภาพอดีตอันแสนเลวร้ายที่ต้องเห็นเพื่อนร่วมบินอย่าง กู๊ส ตายไปต่อหน้าต่อตาเมื่อ 36 ปีก่อน และเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อชะตาได้พามาเวอร์ริกมาเผชิญหน้ากับ แบรดลีย์ ‘รูสเตอร์’ แบรดชอว์ (รับบทโดย ไมล์ส เทลเลอร์) ลูกชายของกู๊สที่เข้ามายังท็อปกันเพื่อคัดเลือกเป็นนักบินในภารกิจเสี่ยงตายทำลายฐานผลิตอาวุธนิวเคลียร์มหาประลัย

หากชำแหละบทหนังของ ‘Top Gun : Maverick’ ในฉบับใหม่ของผู้กำกับ โจเซฟ โคซินสกี (Joseph Kosinski) ออกมาจริง ๆ มันก็คือพิมพ์เขียวของหนัง ‘Top Gun’ เมื่อ 36 ปีก่อนแทบไม่มีผิดเพี้ยน หลายอย่างที่หนังฉบับ โทนี สก็อตต์ (Tony Scott) ได้ทิ้งมรดกอันมีค่าไว้ตั้งแต่ไตเติลเปิดเรื่องที่กล่าวถึงโรงเรียนท็อป กัน ที่จบด้วยโลโก้ของหนัง ฉากแอ็กชันผาดโผน ความเป็นฮีโรโรแมนติกของมาเวอร์ริกผ่านซีนขี่บิ๊กไบค์ไล่ไปกับฉากหลังที่เอฟ 18 กำลังพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า ไปจนถึงเรื่องราวโรแเมนซ์ของมาเวอร์ริกที่ยังอุตส่าห์ไปขุดอดีตคนรักของเขาที่ถูกกล่าวถึงในบาร์ของหนังภาคแรกมาสานต่อเป็นตัวละครของ เจนนิเฟอร์ คอร์เนลลี (Jennifer Cornelly)

แต่ช้าก่อน ! หากจะคิดว่านี่คือหนังก็อปปี้ลอกลายของหนังภาคแรกล่ะก็..บอกเลยว่าคิดผิดครับ เพราะเอาจริง ๆ บทหนังฉบับของทีม คริสโตเฟอร์ แม็กควอร์รี (Christopher McQuarrie) ได้จัดการปัดฝุ่นเอาเฉพาะส่วนที่เป็นไอคอนมาใช้ เราจึงยังเห็นฉากเปิดเรื่องคลาสสิกหรือกระทั่งฉากวอลเลย์บอลชายหาดโชว์กล้ามมาเรียกแขกบรรดาสาว ๆ เหมือนหนังภาคแรกแต่ลดดีกรีความโบรแมนซ์ที่เคยเกาะกับหนังมาจากตัวละครมาเวอร์ริกกับไอซ์แมนลงเหลือแค่ความใจ เ ก เ ร เล็กน้อยผ่านการแข่งขันของ รูสเตอร์ และ แฮงค์แมน (รับบทโดย เกลน โพเวลล์ Glen Powell) ที่ยังให้ภาพมิตรภาพลูกผู้ชายดูหนักแน่นควบคู่ไปกับปมดรามาสุดเข้มข้นระหว่างมาเวอร์ริกและรูสเตอร์ที่ดูจะเป็นหัวใจและอุปสรรคสำคัญที่หนังใช้ผลักกราฟของหนังให้พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งเรื่อง

เรียกได้ว่าแม็กควอร์รีและโคซินสกียังคงเก็บตกความประทับใจจากแฟนหนังภาคแรกได้ทุกเม็ด แม้กระทั่งการปรากฎตัวของตัวละครไอซ์แมนที่แสดงโดย วัล คิลเมอร์ (Val Kilmer) ก็ยังทำให้ภาพวันวานยังหวานอยู่ปรากฎแจ่มชัดในใจผู้ชมได้ และในขณะเดียวกันหนังก็ยังเอาใจคนรุ่นใหม่ด้วยจังหวะหนังที่อัดอดรีนาลีนมากขึ้น ตัดต่อฉึบฉับมากขึ้นโดยยังคงความงามแบบเวอร์ ๆ ของเครื่องบินรบขับไล่ที่เริงระบำกลางเวหาแบบหนังภาคแรกไว้ได้ด้วยไอเดียสุดระห่ำของ เคลาดิโอ มิแรนดา (Claudio Miranda) ผู้กำกับภาพของหนังที่มัดกล้อง ‘Sony Venice’ 6 ตัวไว้ในห้องนักบินที่ให้ภาพสุดตื่นตาตื่นใจยากจะหาหนังเรื่องไหนถ่ายทอดความตื่นเต้นของการบินขับไล่ได้เท่าหนังเรื่องนี้อีกแล้ว

แนะนำหนัง รีวิวหนัง รีวิวซีรีส์เกาหลี Netflix ซีรีส์ต่างประเทศ

นักแสดงหนัง Top Gun Maverick

Tom Cruise

Jennifer Connelly

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า