รีวิว หนัง The Woman In The Window
รีวิว หนัง The Woman In The Window เมื่อป้าข้างบ้านรู้สึกเบื่อเธอจึงหยิบกล้องขึ้นมาส่องเพื่อนบ้าน
ดูเหมือนว่าคนไทยทุกคนจะมีป้าข้างบ้านเป็นของตัวเอง เพราะทุกครั้งที่เราหยิบยกนำเอาหัวข้อนี้มาพูดถึงทุกคนก็มักจะมีเรื่องเล่าที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและความน่าหมั่นไส้ เพราะนิสัยของป้าข้างบ้านส่วนใหญ่แล้วมักจะมีความสอดรู้สอดเห็น ตีโพยตีพาย และชอบโอ้อวด เป็นอุปนิสัยมนุษย์ป้าที่ไม่มีใครชื่นชอบแต่ก็ไม่มีใครอยากจะเข้าไปบอกตรงๆ เพราะไม่อยากมีปัญหา
ความจริงแล้วสิ่งที่ทำให้พวกเขาเป็นแบบนั้นอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเมื่อมีอายุสูงขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงที่เมื่อมีอาการวัยทองก็มักจะหนักกว่าผู้ชาย แต่จะยิ่งแย่ไปอีกหาพวกเธอนั้นต้องเผชิญกับอาการทางจิตที่ทำให้กระบวนการคิดและตัดสินใจไม่เป็นปกติ
The Woman in the Window เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวของหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่ต้องเผชิญกับอาการป่วยทางจิตที่ทำให้เธอนั้นต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านและต้องรับประทานยาอยู่เป็นประจำ แต่เธอดันรู้สึกเบื่อและหยิบเอากล้องขึ้นมาส่องดูเพื่อนบ้านว่าเป็นไปเป็นมาอย่างไรตามนิสัยอยากรู้อยากเห็น
คนปกติทั่วไปแค่เรื่องของคนอื่นมากเกินไปก็สามารถสร้างปัญหาได้แล้ว สำหรับหญิงวัยกลางคนคนนี้มันจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาเมื่อเธอนั้นดันมีอาการประสาทหลอนเข้าร่วม ทำให้เรื่องราววุ่นวายเกิดขึ้นตามมามากมาย และมันยังมีการทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย
สำหรับผู้รับชมอาจจะมีบางจังหวะที่ทำให้เราคิดว่าสิ่งที่เห็นอยู่บนจอภาพยนตร์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรือเป็นสิ่งที่หญิงคนนั้นคิดไปเองจากอาการป่วยของเธอ ทำให้เราเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นและติดตามเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นไปด้วย มันจึงกลายเป็นความสนุกที่เป็นไปด้วยความแปลกใหม่ มีความน่าสนใจ ชวนให้เรารู้สึกอยากจะติดตาม
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง The Woman in the Window
The Woman in the Window จะเล่าถึงเรื่องราวของหญิงสาววัยกลางคนที่ทำงานเป็นนักจิตวิทยาเด็ก เธอนั้นมีอาการทางจิตที่ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวการพบเจอผู้คนเป็นจำนวนมาก ทำให้เธอมักจะเก็บตัวอยู่ในบ้านและต้องทานยาอยู่เป็นประจำเพื่อรักษาอาการที่เป็นอยู่ แต่ไม่ว่าจะรักษาเท่าไรอาการก็ไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย แถมมันยังกำเริบหนักจนทำให้เธอมีอาการหลอนไปเองอีกด้วย อาการเจ็บป่วยดังกล่าวนี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเธอเป็นอย่างมาก
เธอนั้นอาศัยอยู่ในบ้านคนเดียวและแบ่งให้เดวิดสามารถเช่าอยู่ด้านล่างชั้นใต้ดินได้ แต่เพราะเธอไม่สามารถออกไปไหนได้แถมยังเป็นโรคหวาดกลัวผู้คนทำให้เธอต้องอยู่คนเดียวตลอดเวลา สิ่งที่ตามมาคือความรู้สึกเบื่อหน่าย เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งกล้องเอาไว้เพื่อส่องดูเพื่อนบ้านว่าพวกเขาทำอะไรและเกิดอะไรขึ้นบ้าง เป็นกิจกรรมแก้เบื่อที่เธอสามารถทำได้ลับๆ ตามลำพัง
แต่แล้ววันหนึ่งชายหนุ่มที่มีชื่อว่าอีธานก็ได้เข้ามาหาเธอในบ้านเพื่อปรึกษาปัญหาชีวิต เขานั้นเป็นลูกชายของรัสเซล เพื่อนบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากกันมากเท่าไร พอเธอได้พูดคุยกับเด็กหนุ่มเธอก็สามารถสัมผัสได้ว่าเพื่อนบ้านของเธอกำลังมีปัญหาความขัดแย้งกันอย่างแน่นอน เพราะนิทานมีพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ด้วยความเป็นห่วงเธอจึงมักจะส่องเข้าไปดูพฤติกรรมภายในบ้านของเพื่อนบ้านอยู่เสมอ
จากนั้นไม่นานหญิงสาวที่มีชื่อว่าเจนก็ได้เข้ามาคุยกับเธออีกคน ทั้งสองคนถูกชะตากันและกันเป็นอย่างมากทำให้สามารถพูดคุยอย่างสนิทสนมกันได้รวดเร็ว แต่หลังจากพูดคุยกันได้ไม่นานเจนก็ขอตัวกลับบ้าน พอตกดึกแอนนาจึงได้ทำการใช้กล้องส่องออกไปผ่านหน้าต่างเพื่อดูความเป็นไปของเพื่อนบ้านตามเดิม แต่เธอก็พบว่ามีคนฆ่าเจนจนเสียชีวิต เธอจึงรีบโทรแจ้งตำรวจด้วยความตกใจ แต่พ่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุก็ไม่พบหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าบ้านของเจนมีการก่อเหตุฆาตกรรมขึ้น
และที่แปลกไปมากกว่านั้นก็คือเจนได้ยืนยันว่าเธอนั้นไม่เคยไปคุยกับแอนนาเลยแม้แต่ครั้งเดียว พฤติกรรมที่เต็มไปด้วยความสับสนและน่าสงสัยของแอนนา ทำให้ผู้คนคิดว่าสิ่งที่เธอทำนั้นเกิดจากอาการป่วยของเธอที่ทำให้เกิดอาการหลอน แต่ความจริงแล้วทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเรื่องที่เธอหลอนไปเอง สามารถติดตามรับชมได้ในภาพยนตร์
ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่อง The Woman in the Window
The Woman in the Window เป็นภาพยนตร์ที่หยิบยกนำอาการป่วยทางจิตมาบอกเล่าให้เราสามารถมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่าผู้ป่วยนั้นจะต้องเผชิญกับอะไรบ้างในแต่ละวัน หลายครั้งที่พวกเขามีพฤติกรรมที่ดูแล้วไม่สมเหตุสมผลสำหรับคนปกติทั่วไปที่ไม่ได้เจ็บป่วย แต่สำหรับผู้ป่วยนั้นมันเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมาน และความต้องการของพวกเขาคือความเข้าใจจากคนรอบข้าง
ไม่เพียงเท่านั้นด้วยตัวบทที่ได้รับการออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการหักมุม ให้ผู้รับชมได้เดาไปเรื่อยๆ ก็สามารถสร้างความสนุกและความตื่นเต้นให้กับผู้รับชมได้เป็นอย่างดี แต่น่าเสียดายที่ทางผู้กำกับนั้นตัดสินใจที่จะใช้เทคนิคการถ่ายแบบละครเวที ด้วยความที่โลเคชั่นและลาวออกแบบมาเพื่อถ่ายทำในรูปแบบดังกล่าวโดยเฉพาะ ทำให้ในบางฉากผู้รับชมอาจจะรู้สึกว่ามันดูแปลกและเสียชั้นเชิงของบทไป ประกอบกับตัวบทเองก็เคยมีการนำเสนอออกมาแล้วในรูปแบบเดียวกันมานับไม่ถ้วน ทำให้หักใครที่เคยรับชมภาพยนตร์แนวนี้มาก่อนก็อาจจะพอเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา
ตัวอย่างหนัง The Woman In The Window
หนัง The Woman In The Window
The Woman in the Window ส่องปมมรณะ เล่าเรื่องของดร.แอนนา ฟ็อกซ์ (รับบทโดยเอมี่ อดัมส์) ผู้ชอบปลีกตัวจากสังคมในมหานครนิวยอร์ค กิจวัตรประจำวันของเธอคือการดื่มข้ามวันข้ามคืน ดูหนังคลาสสิกและสอดส่องความเป็นไปของเพื่อนบ้าน เมื่อครอบครัวรัสเซลล์ย้ายเข้ามาอยู่บ้านใกล้ๆ เธอ แอนนาได้เห็นครอบครัวในอุดมคติที่เธอใฝ่ฝันและเริ่มติดตามชีวิตประจำวันของพวกเขา จนเธอได้พบกับเหตุการณ์บางอย่างที่จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล
ในช่วงพลิกเรื่องคือหลังครบชั่วโมงเต็มๆ เราจะได้เห็นว่าสิ่งที่นางเอกเห็นพร้อมกับคนดูมีอะไรยืนยันได้มากกว่าแค่คำพูด แต่เป็นการเฉลยแบบใส่มาตรงๆ เปิดเผยกันง่ายๆ ไม่มีชั้นเชิงอะไรเลย พร้อมกับเปลี่ยนแนวเป็นไล่เชือดกันทันที ซึ่งหลายคนอาจจะตามเหตุผลที่หนังอธิบายไม่ทันเลยก็ได้ ส่วนตัวรู้สึกว่าหนังตั้งใจหักมุมตัวฆาตกรจนเกินไป จนทำให้เหตุผลที่อธิบายมารัวๆ ดูไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ แถมเรื่องช่วงนี้แทนที่จะพีคกลับกลายเป็นการไล่ล่าที่คาดเดาได้ว่าจะจบยังไง เพราะมีฉากปูที่ตายของฆาตกรรอไว้ตั้งแต่กลางเรื่องแล้ว อีกทั้งยังมีตัวละครตายโง่ๆ แถมมาให้เรื่องดูตลกเข้าไปอีก ก็เลยกลายเป็นฉากจบที่จืดๆ อาจจะมีความโหดเข้ามานิดหน่อยให้พอรู้สึกระทึกได้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ฉากจบที่น่าจดจำอะไรเลย
สิ่งที่แย่ของเรื่องคือการใช้นักแสดงดังมาเล่นบทต่างๆ ที่โผล่มานิดๆ หน่อยๆ ประกอบเรื่องเท่านั้น ทำให้คนดูที่คาดหวังว่าดาราระดับนี้มาเล่น อาจจะเป็นบทที่สำคัญกับเรื่องราว มีเวลาให้ออกมาหลายฉาก แต่เปล่าเลย ทั้ง จูลี่แอนน์ มัวร์, แกรี่ โอลแมน, แอนโทนี แมกกี กลายมาเป็นแค่จุดขายจากหน้าหนังที่ใส่มาเพื่อหลอกคนให้เข้าใจแบบนั้น ก็อาจจะได้ผลนิดๆ เพราะผู้เขียนเองพอเห็นนักแสดงเหล่านี้ในเรื่องก็เผลอคิดว่าคงมีบทสำคัญ แต่สุดท้ายกลายเป็นการหลอกคนดูมากกว่า เวลาทั้งเรื่องคือหมดกับอาการจิตหลอนกึ่งบ้ากึ่งเมาของนางเอก ซึ่งจริงๆ นี่ก็คือประเด็นหลักของหนังเรื่องนี้ ตัวฆาตกรรมเรียกว่าเป็นพล็อตรองซะมากกว่าครับ ซึ่งตัวเอมี่ อดัม เองก็แสดงได้โอเคไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว แต่บทมันก็ไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกอินอะไรมาก เพราะฉากต่างๆ ที่คนดูเห็นกลายเป็นกึ่งจิตหลอนมากกว่าการถ่ายทอดอารมณ์จากตัวนักแสดงจริงๆ
ถือเป็นหนังโรงที่มาลงเน็ตฟลิกซ์แบบรู้สึกดีที่ไม่เสียตังไปดูโรง เพราะตัวเรื่องก็พื้นๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่ถ้าใครชอบแนวทริลเลอร์ระทึกขวัญแบบไม่สนใจความสดใหม่ก็ไม่มีปัญหา ถือว่าดูได้มีแอบหาวจากช่วงยืดยาวชั่วโมงแรกเท่านั้นครับ