รีวิว หนัง THE LAKE บึงกาฬ
รีวิว หนัง THE LAKE บึงกาฬ อีกหนึ่งภาพยนตร์แนวสัตว์ประหลาดไทยที่เป็นความหวังแต่ปังพินาศ
ในช่วงเวลานี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยไม่น้อยเลยทีเดียว เราจะเห็นได้ชัดว่ามีภาพยนตร์แนวสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ออกมาให้เราได้รับชมมากมายหรือแม้แต่ภาพยนตร์ที่มีการเล่าเรื่องที่แตกต่างออกไปให้ได้รับชม อย่างเช่นการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ SPORT STACKING ในภาพยนตร์เรื่องเร็วโหด เหมือนโกรธเธอ ภาพยนตร์แนวสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ถล่มเมืองอย่าง LIO โคตรแย้ยักษ์ แต่ก็มีเพียงแค่ไม่กี่เรื่องเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ และต้องยอมรับว่าส่วนใหญ่ก็มักจะมาจากภาพยนตร์ค่ายดังที่มีฐานแฟนคลับเหนียวแน่นอยู่แล้วอีกด้วย
ถึงอย่างไรก็ตามล่าสุดได้มีภาพยนตร์แนวสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ออกมาให้เราได้รับชมอีกครั้งในชื่อเรื่องว่า THE LAKE บึงกาฬ ภาพยนตร์ที่จะเข้ามารันวงการสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ในประเทศไทยให้โกอินเตอร์ไปถึงระดับโลก แต่มันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือ ภาพยนตร์เรื่องนี้ผู้คนต่างรอคอยรับชมเนื่องจากใช้เวลาสร้างยาวนานถึง 5 ปีเลยทีเดียว มีการโฆษณาว่าใช้เงินทุนสร้างเป็นจำนวนกว่า 88 ล้านบาท นับเป็นโปรเจคใหญ่ในวงการภาพยนตร์ไทยที่ภาพรวมออกมาคงต้องเว้นวรรคเอาไว้แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน
หนังไทยน่าดู 2022
ต้องยอมรับว่าคนไทยนั้นมีฝีมือไม่แพ้ใครในโลก มีคนไทยจำนวนมากที่ไปอยู่ตามค่ายภาพยนต์ใหญ่ระดับ HOLLYWOOD ไม่เว้นแม้กระทั่งค่ายภาพยนตร์ที่เน้นงานสร้างด้วยงานคอมพิวเตอร์กราฟิกหรืองานอนิเมชั่น แต่กลับกลายเป็นว่าภาพยนตร์ในบ้านเรายังไม่สามารถสร้างความสำเร็จจากการทำภาพยนตร์ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์กราฟิกได้ถึงขนาดนั้น และมันยังคงเป็นตราบาปในอุตสาหกรรมบันเทิงไทยมาจนถึงในปัจจุบัน สำหรับใครที่สนใจเราจะพาทุกคนไปดูกันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง THE LAKE บึงกาฬ
THE LAKE บึงกาฬเป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวของเด็กหญิงคนหนึ่งที่มีชื่อว่าเมย์ เธอได้บังเอิญพบเข้ากับไข่รูปทรงปริศนาขนาดใหญ่ยักษ์ก่อนที่จะนำมันกลับมาที่บ้าน หลังจากที่พี่สาวของเธอเห็นก็โวยวายใหญ่เพราะไม่รู้ว่ามันคือไข่ของตัวอะไรกันแน่ เธอต้องการที่จะนำเอาไขปริศนาที่น้องสาวเก็บมาไปทิ้งหรืออย่างน้อยก็เอาไปไว้ที่เดิม แต่มันก็ไม่ทันเสียแล้ว
ใครจะคาดคิดว่าไขขนาดใหญ่เพียงแค่ใบเดียวจะเปลี่ยนแปลงจังหวัดบึงกาฬทั้งจังหวัดให้กลายเป็นหายนะ ไข่ใบนั้นถูกฟักออกมาเป็นสัตว์ประหลาดไทจูขนาดใหญ่ที่ไม่มีใครสามารถต่อสู้ได้ มันอาละวาดไปทั่วทั้งเมืองจนทำให้ต้องปิดจังหวัดบึงกาฬตัดขาดออกจากโลกภายนอก
ประชาชนภายในจังหวัดพยายามเอาชีวิตรอดอย่างถึงขีดสุดท่ามกลางความสิ้นหวังประชาชนภายในจังหวัดพยายามเอาชีวิตรอดอย่างถึงขีดสุดท่ามกลางความสิ้นหวังในช่วงเวลาเดียวกันเจ้าหน้าที่ก็พยายามที่จะควบคุมสถานการณ์ให้กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว นอกจากนี้ในจังหวัดยังมีนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนที่ได้บังเอิญเข้ามาทำวิจัยภายในประเทศไทยและต้องเผชิญกับเหตุการณ์ดังกล่าวจนจอยมาเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่จะพลิกหน้าประวัติศาสตร์อสูรละกายในประเทศไทยเช่นเดียวกัน สุดท้ายพวกเขาจะสามารถรับมือกับอสูรกายขนาดยักษ์ที่ไล่ฆ่าทุกสิ่งได้สำเร็จหรือไม่ ต้องติดตามรับชมกันต่อในภาพยนตร์
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง THE LAKE บึงกาฬ
THE LAKE บึงกาฬ เป็นภาพยนตร์ทุนสร้างสูงของผู้กำกับหน้าใหม่ไฟแรงที่อยู่ในวงการภาพยนตร์ไทยมาอย่างยาวนานนั่นก็คือลี ทองคำนั่นเอง เขาพยายามทุ่มเทอย่างหนักในทุกองค์ประกอบของภาพยนตร์นับตั้งแต่การสร้างแนวคิดมาจนถึงการเป็นผู้กำกับ ลงมือเขียนบทด้วยตนเอง และยังทำการตัดต่อภาพยนตร์ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวอีกต่างหาก น่าเสียดายที่เขาได้พิสูจน์แล้วว่าการทำทุกอย่างด้วยตัวเองนั้นดูเหมือนจะเกินกำลังของคนคนหนึ่งไปสักหน่อยสำหรับการสร้างภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ขนาดนี้
ถึงอย่างไรก็ตามเรายังสามารถสัมผัสได้ถึงความหลงใหลและเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการสร้างสัตว์ประหลาดอสูรกายขนาดใหญ่ขึ้นมาในประเทศไทยบนฉากพื้นหลังบ้านเกิดของเขาอย่างจังหวัดบึงกาฬ แต่เมื่อทุกอย่างมาประกอบร่างรวมกันแล้วมันกลับออกมาไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ แม้จะมีส่วนที่ดีที่คอยพยุงภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่พังลงมาแบบยั่งยืนแต่มันก็ยังไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดีในระดับมาตรฐานแต่อย่างใด
การที่ผู้กำกับลงมาเขียนบทเองไม่ได้หมายความว่าจะออกมาดีเสมอไป เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้มีเนื้อหาที่ค่อนข้างไร้แกนหลัก เล่าเรื่อง สะเอปะสะปะ บทพูดมีความไ่เป็นธรรมชาติอยู่หลายจังหวะจนทำให้อารมณืของผู้รับชมสะดุด บดมันอ่อนจนทำให้เราไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความสมเหตุสมผลของเรื่องราวที่เกิดขึ้นหรือแม้แต่พฤติกรรมของตัวละครแต่ละตัว การโยนสัปปะหลาดเข้ามาในภาพยนตร์เลยตั้งแต่ต้นเรื่องนั้นก็ถือว่าดีเพราะภาพยนตร์ขายสัตว์ประหลาด แต่การไม่เกินนำอะไรเลยมันก็เข้าใจได้ยากเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าภาพยนตร์จะดำเนินไปในทิศทางไหนกันแน่ สุดท้ายเล่าไปเล่ามามันก็เลยกลายเป็นหลงทางในที่สุด
และบทภาพยนตร์ก็กลายมาเป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดปัญหาตามมาแบบลูกโซ่ มันส่งผลให้ตัวละครไม่ได้มีความโดดเด่นหรือมีมิติความเป็นมนุษย์ บทบาทการแสดงของนักแสดงหลายคนทำออกมาได้ดีเนื่องจากเป็นนักแสดงระดับแนวหน้า แต่มันกลับไม่มีอะไรที่น่าจดจำหรือน่าประทับใจเลยแม้แต่น้อย และที่น่าเสียดายมากที่สุดก็คืองานตัดต่อรวมไปถึงการลำดับเรื่องราวที่ผู้กำกับลงมือทำเอง ทำให้ในส่วนนี้มีดีเพียงแค่ในช่วง 15 นาทีแรกเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรที่พูดได้ว่ายอดเยี่ยมได้เลย สิ่งที่ดีมากที่สุดสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือเทคนิคการสร้างและการสร้างภาพคอมพิวเตอร์กราฟิกที่เรียกได้ว่ายกระดับภาพยนตร์ไทยได้อย่างแท้จริงเท่านั้น