รีวิว หนัง The King’s Man
รีวิว หนัง The King’s Man ภาพยนตร์ปฐมบทการกำเนิดสายลับคิงส์แมน
เป็นเรื่องปกติที่ภาพยนตร์เรื่องไหนหากประสบความสำเร็จอย่างงดงามแล้วก็มักจะมีการสร้างภาคต่อออกมา แต่พอภาคต่อได้ดำเนินไปจนถึงทางตันแล้วสิ่งที่ผู้สร้างภาพยนตร์จะต้องทำนั่นก็คือการเล่าเรื่องราวย้อนกลับไปในช่วงปฐมบทที่เป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั่นเอง เราเห็นรูปแบบการเล่าเรื่องแบบนี้หลายต่อหลายครั้งจนสามารถเดาได้เลยว่าอีกหน่อยภาพยนตร์เรื่องนี้จะต้องย้อนกลับไปทำเรื่องปฐมบทอย่างแน่นอนและสุดท้ายมันก็มาจะเป็นแบบนั้นจริงทุกครั้งอย่างเช่นภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมแนวล้อสายลับที่สุดท้ายก็กลายมาเป็นภาพยนตร์เป็นจริงเป็นจังอย่างคิงส์แมน
คิงส์แมนนั้นเป็นภาพยนตร์ที่แรกเริ่มเดิมทีนั้นสร้างออกมาเพื่อล้อภาพยนตร์สายลับที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุคที่ภาพยนตร์ภาคแรกของเรื่องนี้ได้ออกฉาย ความตลกร้ายของมันและความเล่นใหญ่ทำให้สามารถสร้างความชื่นชอบให้กับผู้รับชมในวงกว้างจนสุดท้ายก็มีการสร้างภาคต่อออกมาได้สำเร็จ ที่น่าสนใจคือภาค 2 ก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงามอีกต่างหากทำให้พวกเขาหมดมุกเพราะว่าเรื่องราวของคิงส์เมนในยุคปัจจุบันนั้นได้จบลงอย่างสวยงามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะพาเราย้อนกลับไปยังต้นกำเนิดของสายลับคิงส์แมนว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไรในภาพยนตร์เรื่อง The King’s Man
แน่นอนว่าเป็นภาพยนตร์ย้อนกลับไปในจุดเริ่มต้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมานั้นจะไม่มีผลต่อภาพยนตร์เรื่องนี้แต่อย่างใด เราจะไม่ได้เห็นตัวละครเก่าที่เราคุ้นเคยอย่างเช่นเอ็กซี่ รวมไปถึงตัวละครที่ภาพยนตร์ปู้ยี่ปู้ยำจนตายอนาถหลายต่อหลายตัว ในครั้งนี้พวกเขาได้ปรับลุคใหม่ให้มีความเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้นเนื่องจากย้อนกลับไปในยุคสมัยของสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ภาพยนตร์ก็ยังสามารถคงกลิ่นอายความเป็นภาพยนตร์แนว Bad joke เอาไว้ได้เป็นอย่างดี และยังมีความเป็นภาพยนตร์คิงส์แมนอย่างครบถ้วน สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับหรือชื่นชอบภาพยนตร์ซีรีส์นี้แล้วล่ะก็ไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาด
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง The King’s Man
The King’s Man เป็นภาพยนตร์ที่จะพาเราย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นการกำเนิดกลุ่มสายลับคิงส์แมน โดยเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นจะเริ่มต้นขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 หลังจากที่จะดยุกออกฟอร์ดต้องสูญเสียภรรยาไปโดยกะทันหันระหว่างการทำภารกิจส่งเสบียงให้กับทหารในแนวหน้า เขาได้ปฏิญาณต่อภรรยาว่าเขานั้นจะดูแลและปกป้องลูกชายคนเดียวสุดที่รักของเขาคอนราดให้อยู่รอดปลอดภัยไปจนกว่าสงครามจะสิ้นสุดลง
คอนราดผู้นี้เป็นเด็กหนุ่มที่มีความใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นทหารแต่ด้วยความที่พ่อของเขาปฏิญาณไปแล้วว่าจะต้องดูแลปกป้องเขาให้ปลอดภัยทำให้สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ทำตามความฝันในการเข้าร่วมในสนามรบ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อมีเหตุการณ์ลอบสังหารจักรพรรดิแห่งออสเตรเลียจนกลายมาเป็นชนวนเหตุที่ทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้น ไม่มีใครรู้เลยว่าความจริงแล้วเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นแผนของคนเลี้ยงแกะที่มีความพยายามในการชักใยการเมืองของเหล่าประเทศผู้ร่วมสงครามอยู่เบื้องหลังอย่างลับๆ
ท่านดยุกจึงได้สร้างเครือข่ายคนรับใช้ขึ้นมา โดยคนกลุ่มนี้จะทำหน้าที่ในการเป็นสายลับคอยสอดแนมหาข่าวคราวความเคลื่อนไหวไปทั่วทุกมุมโลก โดยมีสารถีคนขับรถมาอย่างโชลาและแม่บ้านธรรมดาอย่างพอลลี่คอยเป็นสมาชิกรับส่งข่าวให้กับคอนราดได้รับรู้ และหน่วยข่าวกรองดังกล่าวก็กลายมาเป็นหน่วยงานสายลับคิงส์แมนในเวลาต่อมานั่นเอง
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง The King’s Man
The King’s Man เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ได้เล่าเรื่องราวต่อจาก 2 ภาคก่อนแต่อย่างใดแต่จะพาเราไปรับชมเรื่องราวการกำเนิดสายลับคิงส์แมน ดังนั้นในภาพยนตร์เรื่องนี้เราจึงจะไม่ได้เห็นฉากการต่อสู้หรืออาวุธที่เต็มไปด้วยความทันสมัยเหมือนกับใน 2 ภาคแรกแต่อย่างใด และด้วยความที่เรื่องราวย้อนกลับไปในยุคสมัยของสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างจะมีความจริงจังไม่น้อยเลยทีเดียว แต่มันก็ยังคงสอดแทรกความตลกร้ายเข้ามาได้เป็นอย่างดี มันจึงเป็นภาพยนตร์คิงส์แมนที่มาพร้อมกับความจริงจังแต่ยังคงกลิ่นอายแบบเดิมๆ เอาไว้อยู่
ความโดดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่จะไม่พูดถึงไปไม่ได้เลยก็คืองานภาพที่สามารถทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม การออกแบบและการแต่งกายนั้นมีความสวยงามทุกกระเบียดนิ้ว และที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นก็คือในครั้งนี้มีการนำเอาเรื่องราวการเมืองและสงครามเข้ามาสอดแทรกและนำเสนอผ่านสายลับอังกฤษในยุคโบราณได้อย่างยอดเยี่ยม
เป็นการนำเอาเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นจริงมาดัดแปลงและตีความหมายได้อย่างกลมกลืน มีเกร็ดประวัติศาสตร์จริงและมีบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ปรากฏตัวด้วย สำหรับใครที่ชอบภาพยนตร์แนวสงครามโลกจะต้องรักภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างแน่นอน และที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความหวือหวาและความแหวกแนว ยังมีความโหดเลือดสาดเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน มีจุดหักมุมที่ทำให้เรานั้นต้องเหวอแทบจะตลอดการรับชม แต่ข้อสังเกตของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือภาพยนตร์ไม่ค่อยได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวฝั่งผู้ร้ายเท่าที่ควรทำให้บางครั้งมันก็ดูไม่น่ากลัวเท่าไหร่แถมยังทำให้เรารู้สึกร่วมไปกับตัวละครได้ยากมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างหนัง The King’s Man
รีวิว หนัง The King’s Man บางส่วนจาก beartai
หลังจากที่ผู้กำกับอย่าง ‘แมทธิว วอห์น’ (Matthew Vaughn) ได้พาเราไปรู้จัก ‘คิงส์แมน’ (Kingsman) หน่วยสืบราชการลับสุภาพบุรุษสุดเนี้ยบที่ไม่ขึ้นตรงต่อหน่วยงานใด ๆ มีสำนักงานที่แอบซ่อนไว้ภายใต้ร้านตัดสูท ณ ถนนซาวิลล์ โรว์ (Savile Row) ประเทศอังกฤษมาแล้วถึง 2 ภาค ทั้ง ‘Kingsman: The Secret Service’ (2015) ที่เน้นความหล่อเท่ และ ‘Kingsman: The Golden Circle’ (2017) ที่แหวกแนวและเปี่ยมลูกบ้า
แต่คราวนี้ สุภาพบุรุษคิงส์แมนกลับมาอีกครั้งใน ‘The King’s Man’ หรือ ‘กำเนิดโคตรพยัคฆ์คิงส์แมน’ ที่ไม่ได้นับเป็นหนังภาค 3 แต่เป็นภาพยนตร์ Prequel (หรือเรียกว่าเป็น Spin off หรือหนังภาคขยายก็ได้ เพราะว่าเนื้อหาไม่ได้ต่อจากสองภาคที่แล้ว) ที่จะพาย้อนกลับไปยังยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ค้นหาที่มาที่มาที่ไปของหน่วยคิงส์แมนที่มีต้นกำเนิดยาวนานนับร้อยปี
ตัวหนังเล่าย้อนไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ดยุก ‘อ็อกฟอร์ด’ (Ralph Fiennes) ได้สูญเสียภรรยาไปอย่างกะทันหันในระหว่างภารกิจส่งสเบียงให้กับทหาร เขาให้คำสัญญากับภรรยาว่าจะปกป้องลูกชายคนเดียวอย่าง ‘คอนราด’ (Harris Dickinson) ผู้มีความใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นทหารไม่ให้เข้าร่วมรบ จนกระทั่งเมื่อเกิดเหตุลอบสังหารจักรพรรดิแห่งออสเตรีย กลายเป็นชนวนเหตุแห่งสงครามโลกครั้งที่ 1 อันเป็นแผนของ ‘คนเลี้ยงแกะ’ ที่คอยชักใยการเมืองของประเทศร่วมสงครามอยู่เบื้องหลัง ดยุกอ็อกฟอร์ดจึงได้เผย “เครือข่ายคนรับใช้” ที่คอยสอดแนมหาข่าวกรองทั่วทุกมุมโลก ที่มีแม่บ้านอย่าง ‘พอลลี’ (Gemma Arterton) และ ‘โชลา’ (Djimon Hounsou) สารถีรถม้าเป็นสมาชิกลับ ๆ ให้คอนราดได้รับรู้ ซึ่งเครือข่ายนี้นี่แหละคือต้นกำเนิดที่จะกลายไปเป็นหน่วย Kingsman ในเวลาต่อมา
แม้ว่าจะเป็นหนังที่เป็นภาคต่อจาก Kingsman ทั้งสองภาค แต่ก็ต้องขอเบรกเอี๊ยดก่อนนะครับ ถ้าหากว่าอยากจะไปดูแอ็กชันมัน ๆ ล้ำ ๆ เปี่ยมลูกบ้า หรืออยากไปดูความทันสมัยเท่เนี้ยบเฉียบคมในแบบสองภาคก่อนหน้านี้ เพราะว่าตัวหนังเรื่องนี้เป็นหนัง Prequel ที่พาย้อนไปหาตำนานต้นกำเนิดของหน่วยข่าวกรองคิงส์แมนแบบจริง ๆ จัง ๆ โปรดักชันดีไซน์โดยรวมก็เลยพาย้อนไปในยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 แบบชัดเจนซะจนแทบไม่หลงเหลือภาพของหนังแอ็กชันล้ำ ๆ และพล็อตเปี่ยมลูกบ้าเหมือนอย่างสองภาคก่อนหน้าเลยแม้แต่น้อย แต่แทนที่ด้วยการเล่าเรื่องแบบหนังแอ็กชันที่ผสมรายละเอียดเกี่ยวกับการเมือง สงคราม และนำเสนอผ่านเรื่องราวของสายลับอังกฤษสมัยโบราณขนานแท้