รีวิว หนัง Peaky Blinders Netflix
รีวิว หนัง Peaky Blinders Netflix ซีรีส์ที่เล่าถึงเรื่องราวอันธพาลในช่วงหลังสงครามโลก
สงครามโลกนั้นเป็นมหาสงครามครั้งใหญ่ที่ทั่วทั้งโลกต่างก็จับอาวุธขึ้นมาต่อสู้ฟาดฟันกันอย่างโหดร้ายทารุณเรื่องของสงครามโลกนั้นนอกจากจะส่งผลต่อชีวิตแล้วยังส่งผลต่อความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคนั้นอีกด้วยแม้ว่าสงครามจะสิ้นสุดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ผู้คนจำนวนมากยังคงต้องตกอยู่ภายใต้สภาวะสังคมหลังสงครามที่เต็มไปด้วยความเลวร้ายอยู่ดีไม่เว้นแม้กระทั่งประเทศที่สามารถเอาชนะสงครามได้สำเร็จเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วย
กลุ่มผู้มีอำนาจท้องถิ่นและเหล่าอันธพาลมากมาย แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ไม่น้อยเลยทีเดียวเราจะได้เห็นความพยายามของมนุษย์ที่ต้องการจะฟื้นฟูความเป็นอยู่และโลกใบนี้ให้ดีมากยิ่งขึ้นหากไม่เคยเกิดสงครามมาก่อนเทคโนโลยีก็จะไม่สามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเหมือนกับในปัจจุบันต้องยกความเก่งเหล่านี้ให้กับผู้คนในยุคสมัยหลังสงครามโลกที่สามารถฟื้นฟูโลกของเราได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียวด้วยความสวยงามของช่วงเวลาและบ้านเมืองในสมัยนั้นทำให้มีซีรีส์มากมายตัดสินใจจะเล่าเรื่องราวในช่วงเวลาดังกล่าวเช่นเดียวกับซีรีส์บน Netflix
ที่เราจะมาแนะนำในวันนี้ก็เหล้าในช่วงเวลาหลังสงครามโลกเช่นกันนั่นก็คือซีรีส์เรื่อง Peaky Blinders ซีรีส์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของกลุ่มอันธพาลที่ต้องการจะถีบตัวเองให้มีทั้งเงินทองและอำนาจมากยิ่งขึ้น แต่พวกเขานั้นไม่ได้ฝักใฝ่เพียงแค่เงินทองและอำนาจ แต่มันยังรวมไปถึงการรวมกลุ่มกันที่เต็มไปด้วยมิตรภาพและความรักมันได้รับการกล่าวขานว่าเป็นซีรีส์สุดเท่อีกหนึ่งเรื่องที่สามารถรับชมได้ง่ายจาก 1 Season มีเพียงแค่ 6 ตอนเท่านั้นวันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับซีรีส์เรื่องนี้ให้มากยิ่งขึ้น
เรื่องราวภายในซีรีส์เรื่อง Peaky Blinders
Peaky Blinders เป็นซีรีส์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของสมาชิกครอบครัวเซลครอบครัวนี้มีพี่ชายคนโตชื่อว่าอาเธอร์พี่ชายคนรองชื่อว่าโทมัสน้องชายคนเล็กชื่อว่าจอห์นพวกเขาทั้งสามคนนั้นอาศัยอยู่กับป้าที่ชื่อว่าพอลลี่บ้านของพวกเขาทำธุรกิจเป็นบ่อนพนันมาตั้งอยู่ในย่านอันธพาลแถบเบอร์มิ่งแฮมเหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกพี่น้องเชลนั้นได้กลับมาจากสงคราม แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้น้องชายคนรองอย่างโทมัสได้ขึ้นนำเป็นหัวหน้าครอบครัวสาเหตุที่ทำให้โทมัสต้องขึ้นเป็นหัวหน้าครอบครัวเกิดจากการที่หลังสงครามเขาเป็นทหารที่กล้าหาญจนทำให้ได้รับเหรียญในบรรดาพี่น้องนั้นเขาเป็นคนที่มีความกล้าหาญ
แทบจะไม่กลัวอะไรเลยแถมยังเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำอีกด้วยเป็นคนที่มีความสามารถในการวางแผนระดับยอดเยี่ยมหาตัวจับยากแม้ว่าเขาจะค่อนข้างเชื่อใจคนยาก แต่ก็ถือว่าเป็นมันสมองของทีมที่สามารถใช้ชั้นเชิงในการปะทะกับถึงอันธพาลที่ใหญ่กว่าได้แบบไม่เกรงกลัวกันเลยทีเดียวมีไหวพริบและความขัดฉลาดที่สามารถแก้ปัญหาได้หลากหลายด้วยความที่โทมัสได้มีการวางแผนขยายอำนาจกลุ่มอันธพาลของตนเองโดยที่ไม่ปรึกษาพี่ชายคนโตอย่างอาเธอร์พี่ชายคนโตจึงยอมให้น้องชายเป็นผู้นำกลุ่มแม้ว่าตนเองนั้นจะมีความสามารถในการต่อสู้แบบดุเดือดเลือดพล่านก็ตาม
แต่อย่างไรก็ตามเขานั้นต้องเผชิญกับปัญหาทางจิตหลังสงครามซึ่งเป็นรุนแรงมากกว่าโทมัสค่อนข้างมากเลยทีเดียวส่วนน้องชายคนสุดท้องอย่างจอห์นนั้นเต็มไปด้วยความเฮฮาและความกวนประสาทเขามักจะคาบไม้จิ้มฟันอยู่ในปากตลอดเวลาและเดินท่านักเลงพร้อมต่อสู้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นสายซัพพอร์ตมากกว่าสายบวกแม้จะผ่านสงครามมา แต่เขาก็ยังคงเต็มไปด้วยความร่าเริงมากกว่าบรรดาพี่น้องและไม่ได้ซับซ้อนหรือมีปมชีวิตเหมือนกับพี่น้อง แต่อย่างใด
สามพี่น้องได้ดำเนินไปตามเส้นทางของอันธพาลที่มีจุดเด่นตรงที่มักจะติดใบมีดโกนเอาไว้บนหมวกพักก็อยู่เสมอเวลาจะต่อสู้ก็จะนำเอาใบมีดที่อยู่ตรงหมวกออกมาต่อสู้นั่นเองจนกลายมาเป็นชื่อของกลุ่มพวกเขาแม้ว่าพวกเขาจะเต็มไปด้วยอำนาจ แต่มันกลับทำให้พวกเขาเริ่มพัวพันกับสิ่งผิดกฎหมายมากยิ่งขึ้นต้องเผชิญกับความสูญเสียและความเจ็บปวดมากมายสุดท้ายก็ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองที่เต็มไปด้วยความสกปรกในที่สุด
ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง Peaky Blinders
Peaky Blinders เป็นซีรีส์ที่บอกได้เลยว่ามีความเท่ห์เป็นอย่างมากทุกฉากทุกตอนว่าจะเป็นองค์ประกอบของงานภาพเสียงประกอบบทพูดการแสดงทุกอย่างล้วนแล้วแต่ส่งเสริมให้ซีรีส์เรื่องนี้มีความสวยงามและมีความเท่ห์ในตัวเองแบบหาได้ยากในซีรีส์เรื่องอื่นส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการที่ซีรีส์เรื่องนี้เสร็จช่วงเวลาเอาไว้เป็นหลังสงครามโลกที่บ้านเมืองกำลังเต็มไปด้วยความสวยงามของการฟื้นฟูด้วยความที่มันเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแก๊งอันธพาลทำให้ในช่วงแรกเราอาจจะยังตามตัวละคร
แต่ละตัวไม่ทัน แต่หลังจากที่เราทำความรู้จักตัวละครแต่ละตัวมากยิ่งขึ้นแล้วเราจะได้สัมผัสกับความสนุกสนานแบบเต็มรูปแบบไม่มีสะดุดอย่างแน่นอนซีรีส์เรื่องนี้ค่อนข้างที่จะเน้นการตีแผ่ชีวิตของคนที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำและมีอำนาจบารมีอยู่ในมือที่ต้องแลกมาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่งเราจะเห็นปัญหามากมายที่โถมเข้ามาใส่สามพี่น้องและความสนุกก็คือวิธีการต่อสู้และแก้ปัญหาของพวกเขาที่เต็มไปด้วยความสุดยอดและความชาญฉลาด
ตัวอย่างหนัง Peaky Blinders
รีวิว หนัง Peaky Blinders บางส่วนจาก playinone
อีกหนึ่งมหากาพย์ซีรี่ย์ที่บอกเลยว่าถ้าเป็นคนรักหนัง ชอบดูหนัง ต้องห้ามพลาดเลยจริงๆ สำหรับ ซีรี่ย์สายดาร์ค ในแนวอาชญากรรม, พีเรียด และดราม่า อย่างซีรี่ย์ Peaky Blinders ซีรี่ย์ที่มาในโทนเท่ๆ ในแบบฉบับของ British Mafia พร้อมคาแร็คเตอร์มาดเข้ม จากช่อง BBC TWO (มีให้รับชมทาง Netflix) โดยในปีนี้ (2019) ก็ดำเนินมาถึง Season 5 ไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้ทางผู้กำกับอย่าง Steven Knight ก็ได้เกริ่นให้แฟนๆ ได้รู้กันก่อนแล้วว่า ซีรี่ย์โคตรเดือดเรื่องนี้ จะจบลงที่ Season 6 เท่านั้น! นั่นหมายความว่าการดำเนินเรื่องในซีซั่น 5 จะต้องรวดเร็ว และมีการเริ่ม “ขมวดปม” ที่ซับซ้อนขึ้น และเรื่องราวที่ดุเดือดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
เกริ่นนำสำหรับใครที่ไม่ยังไม่เคยดู Peaky Blinders เป็นซีรี่ย์ที่ว่าด้วยเรื่องของแก๊งค์อันธพาลแก๊งค์หนึ่งในเมือง Birmingham “พีคกี้ ไบลน์เดอร์ส” ชื่อนี้มิใช่ได้มาเพราะโชคช่วยแต่อย่างใด แต่เป็นฉายาที่รับการขนาดนามจากวีรกรรมที่สมาชิกได้ไปก่อขึ้นครั้งแล้ครั้งเล่า นั่นก็คือการติดใบมีดโกนไว้ที่หมวกทรง “พีคกี้” ซึ่งเวลาสู้ แก๊งค์นี้ก็จะถอดหมวกที่แฝงใบมีดไว้บริเวณขอบหมวก ออกมาปาดคอ สำหรับตัวละครนำ “ทอมมี่” หรือ “โธมัส เชลบี้” (นำแสดงโดย Cillian Murphy เชื่อว่าคอหนังหลายๆ คนคงคุ้นเคยกันดี เพราะพี่แกเคยผ่านตามาจากภาพยนตร์ขึ้นหิ้งหลายๆ เรื่อง เช่น Batman Begins เป็นต้น) และเสริมความโหดแบบจัดเต็มด้วยครอบครัวเชลบี้ ประกอบด้วย พี่ชายคนโต “อาเธอร์” (Paul Anderson) น้องชาย “จอห์น” (Joe Cole) และอา “พอลลี่ เกรย์” (Helen McCrory) ซึ่งครอบครัวนี้มีธุรกิจหลักคือการทำ “พนันม้า” และแน่นอนว่ายังเป็นอันธพาลผู้มีอิทธิพลในเบอร์มิงแฮม ที่มีทั้งคนรัก และคนเกลียด
ก่อนหน้านี้ (ภาค 1-4) การดำเนินเรื่องของ Peaky Blinders จะไม่เน้นเรื่องราวที่ฉาบฉวยมากนัก แต่จะเน้นไปที่การเล่าเรื่องราวอย่างละเอียด เน้นไปที่อารมณ์ของนักแสดง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำไว้ได้ดีเอามากๆ ทำให้คนดูรู้สึกมีส่วนร่วม และรู้ตัวอีกทีก็จบซีซั่นไปซะแล้ว! แต่สำหรับซีซั่น 5 นั้นไม่ใช่เลย เพราะการปรับเรื่องราวให้มีความ “กระชับ” มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็สามารถปูเนื้อหาอื่นๆ ที่สอดแทรกเข้ามาได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ดูไม่ขาดหรือไม่เกิน
โดยตัวเอกของเรื่องอย่างโทมัส เชลบี้ หัวหน้าแก๊งค์ Peaky Blinders ในซีซั่น 5 นี้ จะเห็นได้ชัดว่ามีการเติบโต และเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น จากเมื่อก่อนเขาจะเป็นคนที่ชอบลงมือสะสางปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเองเกือบทั้งหมด แต่เมื่อโทมัสได้เลือกเส้นทาง “นักการเมือง” แล้ว การที่จะลงมาจัดการกับปัญหาต่างๆ ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เคยเป็น เขาจึงต้องเลือกทำแบบ “ทำน้อยลง” แต่ “คิดมากขึ้น” นั่นเอง ซึ่งเราก็มองว่าเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการของตัวละครที่มากขึ้น ส่งผลให้การดำเนินเรื่องมีความเข้มข้นในด้านเนื้อหาเพิ่มขึ้นมาทันที
ถึงแม้ว่าจะมีการขมวดเรื่องราวให้มีความรวดเร็วขึ้น แต่เนื้อหา ประเด็นต่างๆ ก็ยังคงเข้มข้นไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเส้นเรื่องที่ยังคง “คาดเดาไม่ได้” ตามสไตล์ของ Series เรื่องนี้ ที่บอกเลยว่าทำมาได้ดีจริงๆ ทั้งในแง่ของการตัดต่อ เอฟเฟ็กต์ต่างๆ การเล่าเรื่อง รวมไปจนถึงการแสดงของตัวละคร (โดยเฉพาะเจ๊ Polly) ที่โขมยซีนได้แทบจะทุกวินาทีที่เจ๊แกออกมา เรียกได้ว่าเป็นซีรี่ย์ที่มีองค์ประกอบครบสุดๆ อีกหนึ่งเรื่องเลยล่ะ