รีวิว หนัง Move To Heaven Netflix
รีวิว หนัง Move To Heaven Netflix ซีรีส์เกาหลีที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งจนคุณต้องน้ำตาซึม
แม้ว่าในปัจจุบันนี้อุตสาหกรรมภาพยนตร์และซีรีส์ของประเทศเกาหลีใต้นั้นจะพัฒนาไปข้างหน้าจนสามารถเล่าเรื่องราวออกไปนอกอวกาศแม้แต่เรื่องราวซอมบี้สเกลใหญ่ได้แล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่คนเกาหลีสามารถนำเสนอออกมาได้ดีมากที่สุดก็คือความดราม่า เราจะเห็นได้ชัดกับการที่เรารับชมสื่ออะไรสักอย่างจากเกาหลีใต้ที่เล่าเรื่องราวแหวกแนวแต่ก็มักจะมีการสอดแทรกความเศร้าหรือความซาบซึ้งเข้ามาอยู่เสมอ อย่างเช่น Train to Busan ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นภาพยนตร์ซอมบี้แต่ในตอนท้ายก็มีการสอดแทรกความซาบซึ้งระหว่างความสัมพันธ์กับของพ่อลูกเข้ามาได้อย่างยอดเยี่ยม
Move To Heaven เป็นซีรีส์เกาหลีใหม่ที่ลงให้กับ netflix ที่จะทำให้คุณนั้นหวนกลับไปคิดถึงซีรีส์เกาหลีเก่าๆ ที่เต็มไปด้วยความดราม่าอย่างแน่นอน เพราะซีรีส์เรื่องนี้เล่าถึงเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคกลุ่มเดียวกับออทิสติก แถมอาชีพของเขานั้นยังเป็นอาชีพรับเก็บของของผู้เสียชีวิตอีกด้วย
แม้ว่าอาชีพของเขาจะดูสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์แนวสยองขวัญเต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับเหนือธรรมชาติ แต่ผู้สร้างไม่ได้ตั้งใจที่จะเล่าเรื่องไปในทิศทางนั้น พวกเขาเลือกที่จะเล่าเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความลึกซึ้งผ่านสิ่งของของผู้เสียชีวิต เพราะรูปแบบการทำงานของชายหนุ่มผู้นี้กับพ่อของเขาไม่ได้เหมือนกับคนทำงานรับเก็บของผู้เสียชีวิตทั่วไป
และด้วยความที่อาชีพดังกล่าวไม่มีในประเทศไทยเราจึงจะได้เห็นรูปแบบการทำงานของอาชีพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอย่างละเอียด สร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริงที่ผู้เขียนเคยประสบมาก่อน ทำให้มันเต็มไปด้วยความสมจริงซึ่งสามารถสร้างความสะเทือนใจและความซาบซึ้งให้กับผู้รับชมได้อย่างแน่นอน หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบสื่อดราม่าจากเกาหลีใต้แล้วละก็ไม่ควรพลาดซีรีส์เรื่องนี้โดยเด็ดขาด
เรื่องราวสุดซาบซึ้งในภาพยนตร์เรื่อง Move To Heaven
Move To Heaven จะเล่าถึงเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่ากือรู เขานั้นมีอาการป่วยมาตั้งแต่เกิดเป็นโรคที่ส่งผลให้พัฒนาการมีความบกพร่องในกลุ่มเดียวกับโรคออทิสติก เขาจะมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากคนปกติทั่วไป การเข้าสังคมบกพร่อง ไม่สามารถเข้าใจหรือรับรู้ความรู้สึกนึกคิดของผู้อื่นได้ ทำให้เขาไม่สามารถตอบสนองได้อย่างถูกต้องเช่นเดียวกับคนปกติทั่วไป ไม่เพียงเท่านั้นมันยังส่งผลให้เขาหมกมุ่นอยู่กับบางสิ่งมากกว่าคนปกติจนเห็นได้ชัด แต่คนที่ป่วยเป็นโรคดังกล่าวนี้จะมีคุณสมบัติพิเศษในการจดจำสิ่งต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม
เขาทำงานเป็นผู้เก็บกวาดสิ่งของของผู้เสียชีวิตร่วมกับพ่อ ปกติอาชีพดังกล่าวจะทำเพียงแค่เก็บรวบรวมสิ่งของของผู้เสียชีวิตนำเอาไปทิ้งหรือบริจาค แต่พ่อของเขากลับมีวิธีการทำงานที่แตกต่างออกไปเพราะเขานั้นมักจะรวบรวมนำเอาสิ่งสำคัญของผู้เสียชีวิตส่งต่อไปให้คนที่ผู้ตายต้องการ หรือนำเอาไปทำบางสิ่งบางอย่างที่ผู้ตายยังคงทำไว้ไม่สำเร็จเสร็จสิ้น
การเก็บของผู้เสียชีวิตจึงเปรียบเสมือนกับเกมปริศนาขนาดใหญ่ที่ทั้งสองพ่อลูกนั้นต้องคอยประติดประต่อเรื่องราวจากสิ่งของที่เหลืออยู่ต่างหน้าเพื่อตามหาว่าความต้องการของผู้เสียชีวิตนั้นคืออะไร แม้ว่ามันจะยุ่งยากแต่สิ่งที่พวกเขาได้รับกลับมานั้นก็คือความสบายใจและความอิ่มอกอิ่มใจที่ได้ช่วยให้ความปรารถนาสุดท้ายของผู้เสียชีวิตเป็นจริง
แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องพบข้องกับเรื่องไม่คาดฝันเมื่อพ่อของเขานั้นเสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน แต่ผู้เป็นพ่อนั้นรู้ดีว่าตนเองใกล้จะจากลูกชายไปเต็มทนเขาจึงได้ติดต่อทนายเพื่อเขียนพินัยกรรม หลังจากที่เขาเสียชีวิตทนายก็ได้เดินทางไปพบกับซังกู น้องชายต่างพ่อของพ่อกือรูที่ต้องติดคุกจากคดีฆ่าคนตาย โชคดีที่ในช่วงเวลานั้นใช้ผู้นี้เพิ่งออกจากคุกมาได้ไม่นานทำให้ทนายสามารถนำเอาพินัยกรรมไปชี้แจงได้
ในพินัยกรรมนั้นระบุเอาไว้ว่าซังกูต้องดูแลหลานในฐานะของผู้ปกครองเป็นระยะเวลา 3 เดือนเพื่อทดสอบว่าเขานั้นจะสามารถดูแลและช่วยเหลือหลานที่ป่วยเป็นโรคในกลุ่มออทิสติกได้สำเร็จหรือไม่ ชายหนุ่มที่เพิ่งออกจากคุกและดูจะไร้อนาคตต้องการเงินในพินัยกรรม ทำให้ถึงแม้ว่าเขาจะเกลียดชังพี่ชายแต่เขาก็ตกลงที่จะดูแลหลานเพื่อเงิน แต่หลังจากที่เขาได้พบกับหลานและทำงานร่วมกันเขาก็ได้พบกับสิ่งต่างๆ มากมายที่เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นคนที่ดีขึ้น รวมถึงได้สะสางเรื่องราวในอดีตที่เคยติดค้างเอาไว้กับพี่ชายอีกด้วย
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง Move To Heaven
Move To Heaven เป็นซีรีส์ Original netflix ทำให้มันมีความแตกต่างจากซีรีส์เกาหลีทั่วไป ตัวละครนั้นมีความโดดเด่นทั้งรูปร่างหน้าตา ไม่ได้มีการเล่าถึงเรื่องราวความรักจนเกินไป แต่เน้นการเล่าเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความดราม่ามากระหว่างความสัมพันธ์ในครอบครัว และการทำภารกิจในอาชีพเก็บสิ่งของผู้เสียชีวิต
การรับชมซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้เราได้ข้อคิดต่างๆ มากมายอย่างแน่นอน แม้ว่าบริบทเรื่องราวจะเต็มไปด้วยความซึ้งน้ำตาซึม แต่มันก็ยังเล่าถึงเรื่องราวดีๆ ในชีวิตที่ทำให้ผู้รับชมได้อิ่มเอมไปทั้งหัวใจด้วยเช่นเดียวกัน ทุกอย่างเล่าออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เร่งรีบ แต่ก็กระชับ เข้าใจง่าย หากคุณชื่นชอบซีรีส์เกาหลีดราม่า คุณไม่ควรพลาดซีรีส์เรื่องนี้โดยเด็ดขาด
ตัวอย่างหนัง Move To Heaven Netflix
หนัง Move To Heaven Netflix
จะบอกว่าซีรีส์เรื่องนี้คือภาพสะท้อนของความโดดเดี่ยว ก็ใช่ หรือจะบอกว่าซีรีส์เรื่องนี้คือตัวแทนความอบอุ่นที่หาได้เพียงแค่เปิดใจมอง ก็ใช่อีก คนเขียนบทนี่ยังไงนะ ถึงสามารถสานต่อเรื่องราวออกมาได้พอเหมาะพอเจาะ และควบรวมสองอารมณ์เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน กือรู ยืนอยู่บนฐานะของเด็กพิเศษ ที่ไม่เพียงแต่มีความสามารถในการจดจำสิ่งที่เขาสนใจเท่านั้น แต่มีความสามารถในการจดจำสิ่งต่าง ๆ ที่ได้พบ ได้เห็นและได้ยินอย่างแม่นยำและไม่ลืมเลือน ประหนึ่งเครื่องบันทึกความทรงจำกันเลย
ซีรีส์เปิดเรื่องมาด้วยการบาดเจ็บ ล้มตายสลับกับการแนะนำตัว กือรู และการบริการของ ‘Move to Heaven’ โดยใช้ความสัมพันธ์พ่อลูก ความรักความเอาใจใส่ต่อเพื่อนมนุษย์เป็นตัวขับเคลื่อน โดยใช้เวลาเพียง Ep เดียวสาดใส่ความรักความอบอุ่นของพ่อที่มีต่อลูก และสิ่งที่พ่อกล่อมเกลาจนเราต้องเสียน้ำตา ประสานไปกับชีวิตของผู้เสียชีวิตอื่นในเรื่อง ที่จะเป็นหัวเชื้อของแต่ละตอน จนทำให้เราจุกแน่นในอกและต้องหลั่งน้ำตาออกมาซ้ำสอง ไม่นะ!! เล่นกับความรู้สึกกันตั้งแต่ต้นเลยเหรอ แต่เขาก็ทำกับเราแบบนั้นไปแล้ว
ภาพสะท้อนที่ซีรีส์ใส่เข้ามาในทุก ๆ Ep สามารถแยกอารมณ์เราเป็นสองฝั่งอย่างเรียบง่าย เราสามารถรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ไปกับความสัมพันธ์ของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็น กือรูกับพ่อ กือรูกับโจซังกูููผู้เป็นอา หรือกือรูกับ ‘ยุนนามู’ (ฮงซึงฮี) เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามที่รักและเป็นห่วงกือรูดุจกัลยาณมิตร ที่สอดส่องทุกเรื่องของกือรู แต่ในอารมณ์อบอุ่นที่พร่างพราวอยู่ตลอดทั้งเรื่อง กลับมีอีกอารมณ์หนึ่งที่เล่นล้อเคียงข้างดุจเงาตามตัว และทำให้จุกแน่นในอก คือความโดดเดี่ยว อ้างว้างและการถูกทอดทิ้ง จากการเกิดและมีของบริษัทรับจ้างเก็บกวาดบ้านของผู้ที่เสียชีวิตเพียงลำพัง ซึ่งมีอยู่จริง ๆ ในญี่ปุ่นและเกาหลี
ซีรีส์เล่นกับปมสังคมที่เพื่อนมนุษย์ต่างถูกหลงลืม ผสมไปกับอารมณ์ของการสืบสวน ไขคดี แต่เสิร์ฟออกมาในรูปแบบของการ ‘ไขข้อความ’ หรือ ‘สาส์น’ ที่ผู้ตายทิ้งเอาไว้ผ่านข้าวของที่หลงเหลืออยู่ เพื่อรอคอยคนพิเศษสักคนมาส่งต่อสาส์นสุดท้ายที่ไม่ทันได้เอ่ย หรือเปิดเผยให้ใครบางคนได้รับรู้ เป็นการปลดเปลื้องเรื่องที่ติดค้างในใจของคนคนหนึ่ง ทั้งผู้ที่ล่วงลับไปแล้วและผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ การคลี่ปมต่าง ๆ ในเรื่องจะส่งผ่านรูปแบบความสัมพันธ์ที่แตกต่าง ของแต่ละชีวิตที่เป็นเมนของแต่ละตอน ไปพร้อม ๆ กับความสัมพันธ์อา-หลาน ที่ต่างกันสุดขั้ว แต่ขาดกันไม่ได้ในที่สุด
ทำให้กลายเป็นซีรีส์ที่มีความอบอุ่นระคนเศร้า เจ็บในอกแต่ก็อบอุ่นอยู่ลึก ๆ และหน่วงใจมากขึ้นไปอีกไปกับเรื่องราวที่ตัวละครต้องพบเจอ แต่ก็ยังยิ้มและหัวเราะได้กับสายสัมพันธ์ ความรัก ความห่วงใยที่อบอวลอยู่รายรอบจนกลายเป็นซีรีส์ที่ทำให้คนดูเดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ยวก็ซึ้ง เดี๋ยวก็เศร้าและหนาวหัวใจเอาได้ง่าย ๆ เตรียมทิชชูไว้ค่ะ ได้ใช้แน่นอน ฟันธง