รีวิว หนัง Mare Of Easttown HBO MAX
รีวิว หนัง Mare Of Easttown HBO MAX ซีรีส์แนวคดีฆาตกรรมที่เต็มไปด้วยความลึกลับซับซ้อน
สิ่งที่ทำให้ซีรีส์แนวคดีฆาตกรรมได้รับความนิยมและเต็มไปด้วยความลุ้นระทึกน่าตื่นเต้นนั้นคงจะหนีไม่พ้นความลึกลับและความสลับซับซ้อนภายในเรื่อง แน่นอนว่าเมื่อเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นมาไม่ว่าจะในชีวิตจริงหรือในซีรีส์สิ่งที่ตามมาก็คือปริศนา น้อยครั้งที่การฆาตกรรมจะถูกเปิดโปงออกมาภายในเสี้ยววินาทีและสามารถจับตัวคนร้ายได้ในทันที ดังนั้นคดีฆาตกรรมจึงเปรียบเสมือนกับจิ๊กซอว์ชิ้นเล็กๆ ที่จะช่วยให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้สืบทราบเรื่องราวมากไปกว่านั้นและหาสาเหตุได้ว่าอะไรที่กลายมาเป็นเหตุจูงใจให้คนธรรมดาคนหนึ่งลุกขึ้นมาฆ่าผู้อื่น
หากคุณอยากสัมผัสกับความตื่นเต้นและน่าติดตามของการสืบสวนคดีฆาตกรรม เราขอแนะนำซีรีส์เรื่อง Mare Of Easttown เป็นซีรีส์จาก HBO ที่สามารถทำออกมาได้ไม่แพ้กับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เลยทีเดียว ด้วยความที่มันเป็นซีรีส์ความยาวถึง 7 ตอนทำให้คนที่ชื่นชอบการสืบสวนสอบสวนคดีฆาตกรรมจะได้รับชมกันแบบเต็มอิ่มอย่างแน่นอน เพราะปกติแล้วหากนำเสนอออกมาในรูปแบบภาพยนตร์เราก็จะได้รับชมไม่เกิน 2 ชั่วโมงเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นซีรีส์ที่เราอยากจะแนะนำให้ได้ลองรับชมกันเป็นอย่างมาก ได้ผู้กำกับฝีมือดีอย่างเครก โซเบลมานั่งแท่นกำกับด้วยตนเอง ด้วยรางวัลเทศกาลซันแดนซ์ทำให้เราสามารถการันตีได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเต็มไปด้วยการเล่าเรื่องราวแบบคุณภาพสูงอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามรูปแบบการเล่าเรื่องของซีรีส์เรื่องนี้จะใช้วิธีการคล้ายคลึงกับนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนคลาสสิค ทำให้การดำเนินเรื่องราวจะค่อนข้างค่อยเป็นค่อยไปไปบ้าง อาจจะต้องใช้เวลาในช่วงแรกเพื่อทำความเข้าใจและผูกพันกับตัวละครก่อนเรื่องราวถึงจะพาเราเข้าสู่แก่นเรื่องที่แท้จริง
เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง Mare Of Easttown
Mare Of Easttown จะเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่งที่มีชื่อว่าอีสทาวน์ ด้วยความที่มันเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กทำให้ทุกคนภายในหมู่บ้านทุกคนแทบจะรู้จักกันทั้งหมด และด้วยความที่ทุกคนแทบจะรู้จักกันทั้งหมดนี่เองทำให้ไม่มีใครคาดคิดว่าในวันหนึ่งจะเกิดเหตุคดีฆาตกรรมขึ้นได้พร้อมเป็นไปด้วยความสงบสุขเสมอมา
หมู่บ้านแห่งนี้มีตำรวจหญิงคนหนึ่งที่มีชื่อว่าแมร์อาศัยอยู่ เธอนั้นเปรียบเสมือนกับศูนย์กลางของชุมชนที่ไม่ว่าใครประสบปัญหาอะไรก็ต้องนึกถึงเธอ แต่ความจริงแล้วอดีตของเธอนั้นเต็มไปด้วยบาดแผลมากมายที่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดและโศกเศร้าทุกครั้งที่นึกถึง
แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดเด็กสาวแม่ลูกอ่อนคนหนึ่งที่ควรจะได้ใช้ชีวิตอีกยาวนานปรับเสียชีวิตลงอย่างเป็นปริศนา เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจให้กับทุกคนภายในชุมชนเป็นอย่างมาก แถมมันยังทำให้พวกเขานึกถึงคดีที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้เกี่ยวกับเด็กสาวที่หายตัวไปซึ่งยังไม่ได้รับการคลี่คลายคดีและชาวบ้านรู้สึกค้างคาใจเป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้แมร์จึงต้องลุกขึ้นมาทำหน้าที่ตำรวจของเธอด้วยการพยายามคลี่คลายคดีที่เกิดขึ้นให้สำเร็จก่อนที่จะมีใครในหมู่บ้านกลายเป็นเหยื่อคนต่อไป ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังต้องพยายามที่จะรักษาความสัมพันธ์ของทุกคนในชุมชนให้ยังคงแน่นแฟ้นเหมือนเดิม เพราะเมื่อเกิดคดีขึ้นมาในชุมชนเล็กๆ ที่ทุกคนรู้จักกันหมดทำให้ทุกคนเกิดความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันและอาจจะนำพาปัญหาใหญ่ตามมา แต่เรื่องกลับง่ายเช่นนั้นเพราะเธอยังมีปัญหาชีวิตส่วนตัวอีกมากมายที่ต้องคอยแก้ไขและมันกำลังค่อยๆ เปลี่ยนให้เธอกลายเป็นคนไร้หัวใจโดยที่ไม่มีใครทันรู้สึก
ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง Mare Of Easttown
Mare Of Easttown เป็นซีรีส์แนวฆาตกรรมที่เล่าเรื่องราวตามสไตล์ของนวนิยายสืบสวนสอบสวนคลาสสิค ซึ่งการเล่าเรื่องสไตล์นี้จะค่อยๆ ทำให้ผู้รับชมได้รับรู้เรื่องราวไปทีละเล็กทีละน้อย ค่อยๆ พาผู้รับชมไปรู้จักกับตัวละครและสร้างความรู้สึกผูกพันให้เกิดขึ้นก่อนก่อนที่จะพาทุกคนเข้าสู่การสืบสวนสอบสวนในที่สุด และแน่นอนว่าด้วยความช้าของมันทำให้หลายคนอาจรู้สึกว่าน่าเบื่อหรือน่ารำคาญ แต่หากเราอดทนผ่านช่วงแรกไปได้หลังจากนั้นเราก็จะอินกับเรื่องราวได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
โดยรวมแล้วถือว่าเป็นซีรีส์แนวฆาตกรรมที่สามารถทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ทั้งบทและเรื่องราวที่เล่านั้นเต็มไปด้วยความสลับซับซ้อน สร้างความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นให้กับผู้รับชมอย่างเราได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคือมีความเดายากตั้งแต่ต้นจนจบ เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าอะไรเป็นอะไรซึ่งทำให้เรื่องราวมีความลุ้นระทึกน่าติดตามมากยิ่งขึ้นไปอีก ที่น่าสนใจคือซีรีส์ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกสนุกและลุ้นไปกับการตามล่าฆาตกรเพียงแค่อย่างเดียวแต่เรายังรู้สึกลุ้นกับการใช้ชีวิตของตัวละครแต่ละตัวอีกด้วย
ประกอบกับกระบวนการสร้างที่เต็มไปด้วยคุณภาพที่ทำให้ทั้งงานภาพและเสียงออกมามีความดีงามเทียบเท่ากับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ทำให้เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลองรับชมซีรีส์เรื่องนี้ดู แม้ว่ามันจะฉายบนแพลตฟอร์มที่อาจจะไม่ได้รับความนิยมมากนักในประเทศไทย แต่หากใครที่มีบัญชี HBO เราขอแนะนำว่าคุณไม่ควรพลาดซีรีส์เรื่องนี้โดยเด็ดขาด
ตัวอย่างหนัง Mare Of Easttown
รีวิว หนัง Mare Of Easttown บางส่วนจาก beartai
ในแง่หนึ่งซีรีส์นี้ทำให้นึกถึงเรื่องราวของหนังอย่าง ‘Mystic River’ (2003) ของ คลินต์ อีสต์วูด (Clint Eastwood) ที่ผันร่างกลายเป็นซีรีส์ความยาว 7 ตอน ที่หนักแน่นไปด้วยการปูเรื่องราวความสัมพันธ์ของชุมชนเมืองอีสต์ทาวน์ที่ใกล้ชิดกันอย่างยิ่ง
ในแง่หนึ่งมันสะท้อนภาพชุมชนนามธรรมที่อาจเป็นชุมชนใดก็ได้บนโลก อย่างน้อยอีสต์ทาวน์ก็แปรภาพเป็นสังคมไทยได้อย่างไม่น่าเชื่อในแง่หนึ่ง เมื่อคนรุ่นหนึ่งเป็นทั้งปัญหาและผู้พยายามแก้ไข ทั้งยังเผชิญปัญหาในชีวิตประจำวันมากมายที่เหมือนเล็กน้อยแต่ก็ร้าวลึก จนความสัมพันธ์ที่เกรงใจเพราะใกล้ชิดกันของชุมชนก่อตัวเป็นปัญหาที่ขัดขวางความจริงเอาไว้ การตายของหญิงสาวคนหนึ่งมาทำหน้าที่กระชากพรมที่ปิดทับซ่อนขยากไว้ ประกอบกับความหวังดีที่ผลลัพธ์เลวร้าย ก็เป็นเรื่องชวนคิดในสังคมโลกที่ทุกคนอยากเป็น ‘คนดี’ อย่างในทุกวันนี้
พูดให้ถูกนี่คือความเก่งฉกาจและเป็นสากลในผลงานการเขียนบทและสร้างสรรค์ซีรีส์ของ แบรด อิงเกลสบี (Brad Ingelsby) มือเขียนบทและโปรดิวเซอร์ที่มีผลงานคุ้นตาสุดคือ Run All Night (2015) ที่จับ เลียม นีสัน (Liam Neeson) มาวิ่งไล่ล่าทั่วเมือง แต่กับเรื่องนี้ด้วยเวลาการเล่าเรื่องที่มากเพียงพอ และด้วยประสบการณ์ชีวิตที่กลั่นแน่นของอิงเกลสบี มันจึงกลายเป็นงานที่ไม่เพียงลุ้นระทึกและน่าสงสัยแต่ยังโยงใยเรื่องราวหลายชีวิตไว้ได้อย่างเข้มข้นและลึกซึ้ง
ในขณะที่การกำกับก็ได้ เครก โซเบล (Craig Zobel) ผู้กำกับที่เคยประสบความสำเร็จจากเวทีประกวดอย่างเทศกาลซันแดนซ์มาแล้ว กับหนัง ‘Z for Zachariah’ (2015) ที่เข้าชิงรางวัลใหญ่ของเทศกาลในสายดราม่ามาแล้ว มาช่วยบันดาลการเล่าเรื่องด้วยงานภาพที่คุณภาพสูง โดยเฉพาะการจับอารมณ์ของตัวละครนั้นทำได้อย่างตราตรึงและไหลลื่น
ต้องยอมรับว่าสไตล์การเล่าเรื่องเหมือนนิยายสืบสวนแบบคลาสสิก น่าจะผลักไสผู้ชมรุ่นใหม่ใจร้อนอยู่ไม่น้อย การเดินเรื่องที่ไม่รีบเร่งแต่ยอมให้เวลาอย่างเพียงพอกับการสร้างพื้นหลังของเรื่อง มิติความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครผ่านการพาไปรู้จักคนทั้งเมืองผ่านสายตาตัวเอกอย่างแมร์นั้น ถ้าเปิดใจผ่านสัก 2 ตอนแรกไป จะพบว่าซีัรีส์กลับน่าสนใจอย่างไม่น่าเชื่อ ในบางช่วงของหนังเราลุ้นกับเรื่องราวชีวิตของตัวละครมากเสียกว่าลุ้นในการตามล่าฆาตกรเสียด้วยซ้ำ นี่ยืนยันความสำเร็จในการเล่าเรื่องดราม่าให้สนุกได้อย่างดีเยี่ยม
และการเขียนบทให้ใช้ตัวละครมากมายได้เป็นประโยชน์เกี่ยวเนื่องกันตลอดไปจนจบ 7 ตอนนี่ก็ไม่ธรรมดา ตามธรรมชาติของหนังสืบสวน ตัวละครที่โผล่มาย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีได้หมด ทว่าใน ‘Mare of Easttown’ ด้วยเส้นเรื่องชีวิตส่วนตัวของแต่ละตัวละครก็มีบทบาทในแง่การสืบคดีทางอ้อมด้วยกันทั้งสิ้น มันจึงคาดเดาตอนจบจริง ๆ ได้ยาก โดยเฉพาะตอนสุดท้ายของซีรีส์เรียกว่าพลิกไปมาหลักนาทีกันเลยทีเดียว ที่สำคัญเหตุผลที่รองรับการกระทำของตัวละครมันก็เข้มแข็งพอให้เชื่อได้ทุกการเฉลยเลยด้วย ต้องยอมรับว่าบทแข็งแรงมากจริง ๆ
หากไม่นับเรื่องความไม่ฉับไวในการเล่าเรื่องที่เป็นความจงใจแล้วนั้น อาจต้องบอกว่าบีตของการเล่านั้นอาจดูวูบวาบไปตามบทดราม่ามากไปเสียกว่าบทของการสืบสวน แต่เมื่อเข้าส่วนของการสืบสวนก็เข้มข้นอยู่ไม่น้อย อย่างในตอนที่ 5 ของซีรีส์ก็สนุกและน่าตื่นเต้นในการพลิกผันของตัวละครอย่างมากขนาดที่ว่าทำคะแนนรีวิวของ IMDb ได้สูงที่สุดของทุกตอนที่ 9.4/10 ดังนั้นจะว่าไม่ตื่นเต้นเร้าอารมณ์ก็ไม่ได้เสียทีเดียวนัก แต่ที่คงต้องมีข้อเสียให้บ้างก็ตรงที่ว่าตอนสุดท้ายของซีรีส์นั้น บีตของการเล่ามันเปลี่ยนค่อนข้างไว เหตุการณ์พลิกผันกันหลักนาทีได้เลย เมื่อมองความละเมียดทางอารมณ์ที่ผ่านมาก็จะรู้สึกเครื่องมันเร่งไปนิด แต่ก็ติงไม่ได้มากเพราะอย่างที่กล่าวมาแล้วว่าแม้จะเร่งจบเร่งเฉลย แต่บทมันแน่นจนไม่มีรูโหว่ให้รู้สึกไม่ดีเลยจริง ๆ