รีวิว หนัง House of Gucci
รีวิว หนัง House of Gucci จากคดีฆาตกรรมสุดอื้อฉาวสู่ภาพยนตร์ดราม่าของตระกูล Gucci
หนึ่งในปราณีชื่อคุ้นหูที่เราทุกคนต่างรู้จักกันดีก็คงจะหนีไม่พ้นแบรนด์ Gucci มันเป็นแบรนด์เสื้อผ้าและกระเป๋าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากไปทั่วทั้งโลกแถมยังมีราคาค่อนข้างสูง เรียกได้ว่าต้องมีฐานะได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียวจึงจะสามารถซื้อของจากแบรนด์ดังกล่าวมาใช้ได้ และแน่นอนว่าด้วยความนิยมรวมไปถึงราคาที่ค่อนข้างสูงของแบรนด์ดังกล่าวมันจึงส่งผลให้ตระกูลของแบรนด์กลายเป็นที่สนใจไปด้วยเช่นเดียวกัน
ในปี 1995 มีเหตุการณ์คดีฆาตกรรมหนึ่งเกิดขึ้นและมันก็ได้ช็อกผู้คนไปทั่วทั้งโลกโดยเฉพาะคนในวงการแฟชั่น เหตุการณ์ฆาตกรรมในตระกูล Gucci เหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกนำเอามาเขียนเป็นหนังสือที่มีชื่อเรื่องว่า The House of Gucci: A Sensational Story of Murder, Madness, Glamour and Greed มันกลายเป็นหนังสือที่ได้รับความนิยมยกเว้นทายาทในตระกูลที่รู้สึกไม่พอใจกับการถูกนำเอาเรื่องราวดราม่าในครอบครัวมาตีแผ่ในลักษณะของสื่อบันเทิง
แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่ในตอนนี้บริษัทดังกล่าวบริหารโดยมาร์โก บิซซาร์รี CEO ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับทางตระกูล Gucci โดยตรง ทำให้เรื่องราวของ House of Gucci ได้ถูกหยิบยกนำเอามาสร้างเป็นภาพยนตร์โดยที่ไม่เกิดปัญหาอะไร ไม่เพียงเท่านั้น CEO ยังมีการอนุญาตให้กองถ่ายยืมทั้งเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ทั้งหลายแบบไม่อั้นเพื่อเป็นการโปรโมทแบรนด์ภายในตัว
หากคุณเป็นคนที่ชอบเรื่องราวแนวดราม่าฆาตกรรมเกี่ยวกับตระกูลชื่อดังไฮโซหรือเป็นคนที่ชื่นชอบตระกูล Gucci ตั้งแต่เดิมอยู่แล้วเราขอแนะนำว่าไม่ควรพลาดภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้คุณได้เต็มอิ่มไปกับการรับชมเรื่องราวสุดดราม่าและความขัดแย้งในตระกูล Gucci แบบที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อนอย่างแน่นอน
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง House of Gucci
House of Gucci เป็นภาพยนตร์ที่จะพาเราย้อนกลับไปในปี 1978 ในช่วงนั้นมีทายาทจากตระกูล Gucci ที่มีชื่อว่าเมาริซิโอ เขาเป็นเด็กหนุ่มนักเรียนกฎหมายอนาคตดังแถมยังหน้าตาดี เขาได้ตกหลุมรักกับเด็กสาวทายาทเจ้าของบริษัทอู่รถบรรทุกอย่างเรจิอานี แต่พ่อของเขาอย่างโรดอลโฟกลับไม่เห็นด้วยและคัดค้านความรักระหว่างทั้งคู่แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นถึงทายาทบริษัทใหญ่เช่นเดียวกัน แม้ว่าผู้เป็นพ่อจะถือหุ้นของ Gucci ถึง 50 เปอร์เซ็นต์และหากเขาทำตัวดีก็จะได้รับข้อมูลดังกล่าวต่อแต่เขาก็ดื้อรั้นจนถึงขั้นยอมที่จะออกจากตระกูลเพื่อไปทำงานในบริษัทอู่รถบรรทุกของพ่อเรจิอานีและสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจขอเธอแต่งงาน
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้รับการทาบทามจากลุงของเขาที่มีชื่ออัลโด ฉันเป็นลูกชายคนโตในตระกูลผู้ก่อตั้งและยังเป็นถึงประธานบริษัทในขณะนั้นอีกด้วย โดยให้เขานั้นเข้ามาช่วยงานในการปรับปรุงภาพลักษณ์เนื่องจากในตอนนั้นแบรนด์ Gucci ถูกมองว่าเป็นแบรนด์ที่ล้าสมัย แน่นอนว่าเด็กหนุ่มไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปและคนที่คอยหนุนหลังเขาอยู่ตลอดเวลาก็คือคนรักของเขานั่นเอง
ทุกอย่างดูเหมือนจะดีไม่ว่าจะเป็นชีวิตรักของเขาหรือแม้กระทั่งเรื่องในครอบครัว แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเรจิอานีเริ่มทำการปั่นหัวและบงการเขามากขึ้นถึงขั้นที่ยอมทรยศหักหลังคนในครอบครัวด้วยกันเนื่องจากความโลภทั้งเงินตราและอำนาจ ความรักได้เปลี่ยนเป็นความไม่เชื่อใจกันและมันก็นำมาสู่การหย่าร้างในที่สุด ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าคนที่ก่อร่างสร้างตัวด้วยกันมาจะเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและสุดท้ายมันก็กลายมาเป็นชนวนเหตุให้เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมในที่สุด สุดท้ายแล้วเรื่องราวของครอบครัวนี้จะเป็นอย่างไรต้องติดตามรับชมต่อในภาพยนตร์
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง House of Gucci
House of Gucci เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวของตระกูลแฟชั่นแต่มันไม่ได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแฟชั่นจ๋าแต่อย่างใด เพียงแต่นำเอาเรื่องราวของบุคคลที่อยู่ในวงการแฟชั่นมาดัดแปลงเพื่อเล่าเรื่องราวโศกนาฏกรรมในครอบครัวเท่านั้น
สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นการที่ Lady Gaga มารับบทนำในภาพยนตร์เป็นครั้งแรกซึ่งการแสดงของเธอนั้นเรียกได้ว่าสามารถทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัวออกมาจะสามารถดึงความสนใจของเราได้ทุกครั้งด้วยการเล่นใหญ่เกินเบอร์ ยิ่งมาประกอบเข้ากับนักแสดงระดับ Oscar ไม่ว่าจะเป็นจาเร็ด เลโต้หรือปาชิโน ยิ่งทำให้การแสดงดูเหมือนจะยิ่งใหญ่ราวกับละครเวทีก็ไม่ปาน แม้ว่าการแสดงจะไปคนละทิศละทางแต่โดยรวมแล้วมันก็สามารถสร้างความบันเทิงให้กับผู้รับชมอย่างเราได้เป็นอย่างดี
ในช่วงแรกของภาพยนตร์นั้นจะเหมือนกับเรารับชมภาพยนตร์แนวโรแมนติกแต่หลังจากนั้นเราก็จะถูกความจริงกระแทกหน้าเมื่อความโลภและอำนาจได้เข้ามากัดกินความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาวจนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นมา เรียกได้ว่าบรรยากาศของช่วงแรกกับช่วงหลังนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยทีเดียว
ในส่วนของคุณภาพงานสร้างถือว่าสามารถทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะงานเสื้อผ้าที่ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ Gucci โดยตรง เป็นภาพยนตร์ที่คุ้มค่าสำหรับการรับชมแม้ว่าเนื้อหาบางส่วนจะมีความไม่สมเหตุสมผลอยู่ก็ตาม
ตัวอย่างหนัง House of Gucci
รีวิวหนัง House of Gucci บางส่วนจาก beartai
คงไม่ถือว่าเป็นการสปอยล์หนัง เพราะ ‘House of Gucci’ สร้างจากคดีฆาตกรรมเมื่อปี 1995 ที่ช็อกวงการแฟชั่นและคนทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะเป็นสายแฟหรือไม่ก็ตาม ริดลีย์ สก็อตต์ (Ridley Scott) กำกับหนังเรื่องนี้จากบทที่อิงจากหนังสือชื่อ ‘The House of Gucci: A Sensational Story of Murder, Madness, Glamour and Greed’ ที่เขียนโดย ซารา เกย์ ฟอร์เดน (Sara Gay Forden) ซึ่งแน่นอนว่าทายาทในตระกูลกุชชีย่อมรู้สึกไม่พอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ชมหนังเรื่องนี้แล้ว ส่วนแบรนด์ Gucci ไม่ว่าอะไร เปิดไฟเขียวเต็มที่ เพราะตอนนี้อยู่ในบริษัท Kering และบริหารงานโดย มาร์โก บิซซาร์รี ซีอีโอคนปัจจุบันที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลกุชชี แถมยังอนุญาตให้ยืมเครื่องแต่งกายแบบไม่อั้น เพราะถือเป็นการโปรโมตแบรนด์ไปในตัว
‘House of Gucci’ เล่าเรื่องราวแบบไม่ซับซ้อน โดยวางจุดเริ่มต้นของเรื่องอยู่ที่ปี 1978 ช่วงที่เมาริซิโอ กุชชี (อดัม ไดร์เวอร์ – Adam Driver) หนุ่มนักเรียนกฏหมายทายาทกุชชี ตกหลุมรักกับ ปาทริเซีย เรจจิอานี (เลดี้ กาก้า – Lady Gaga) ลูกสาวเจ้าของบริษัทอู่รถบรรทุก แม้จะถูกคัดค้านจากพ่อ โรดอลโฟ กุชชี (เจเรมี ไอเอินส์ – Jeremy Irons) ผู้ถือหุ้นของกุชชี 50% (และเขาจะได้รับต่อ) แต่เมาริซิโอก็ดื้อรั้นหัวชนฝา ยอมเดินออกจากครอบครัวกุชชี่ไปทำงานเป็นพนักงานอู่รถบรรทุกของพ่อปาทริเซียและตัดสินใจขอเธอแต่งงาน จากนั้นไม่นานเมาริซิโอก็ได้รับการทาบทามจากลุงอัลโด (อัล ปาชิโน – Al Pacino) ลูกชายคนโตของกุชชิโอ กุชชี ผู้ก่อตั้งแบรนด์ และเป็นประธานบริษัทในตอนนั้น ให้มาช่วยงานด้านการปรับปรุงภาพลักษณ์ของกุชชีที่เริ่มถูกมองว่าเป็นแบรนด์แฟชั่นที่ล้าสมัย แน่นอนว่าคนที่ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสทองนี้หลุดมือไปและคอยหนุนหลังเมาริซิโออยู่ตลอดเวลาคือปาทริเซีย
ครึ่งแรกปูโทนเหมือนหนังรักโรแมนติก เล่าความสัมพันธ์ของเมาริซิโอและปาทริเซียที่ค่อย ๆ ก่อร่างสร้างตัว ฝ่าฟันอุปสรรคจนกลายเป็นครอบครัวที่มั่งคั่ง โยงเข้าสู่ครึ่งหลังของหนังที่มีเงาของเมฆดำค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาปกคลุม เมาริซิโอถูกปาทริเซียปั่นหัวและบงการมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขั้นที่สามารถทรยศหักหลังครอบครัวตัวเอง เพราะความโลภจากอำนาจและเงินตรา กระทั่งความรักแปรเปลี่ยนเป็นความไม่ไว้ใจ นำไปสู่การหย่าร้าง ความหึงหวง ความโกรธแค้น และเป็นชนวนให้เกิดโศกนาฏกรรมในท้ายที่สุด
แม้หน้าหนังและชื่อหนังจะเกี่ยวกับแฟชั่น แต่ ‘House of Gucci’ ไม่ใช่หนังแฟชั่นจ๋าเหมือน ‘Coco Before Chanel’ หรือซีรีส์ ‘Halston’ แต่นี่คือหนังดราม่าที่ดัดแปลงจากชีวิตจริงของคนทำแฟชั่นเท่านั้น ดังนั้นใครที่ไม่ใช่สายแฟก็ดูรู้เรื่อง จะมีแค่รายละเอียดบางอย่างเช่นการพูดถึง ทอม ฟอร์ด ที่ก้าวมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ให้กุชชี หรือการมีบทเล็ก ๆ ของแอนนา วินทัวร์ และคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ก็เป็นตัวชูรสชั้นดีหากคุณรู้เรื่องแฟชั่น