รีวิว หนัง Godzilla vs Kong 2021
รีวิว หนัง Godzilla vs Kong 2021 ภาพยนตร์ที่ได้รับการกล่าวขานว่าดีที่สุดในปีนี้
Godzilla และ Kong นั้น เป็นตัวร้ายในภาพยนตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่ยุค 90 ในช่วงที่งาน CG และ Visual effect นั้นยังไม่ได้รับการพัฒนาให้มีความสมจริงเทียบเท่ากับในปัจจุบัน แต่ในยุคนั้นมันก็สามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้รับชมอย่างเราได้เป็นอย่างดี จนทำให้มันกลายเป็นตัวร้ายในดวงใจของใครหลายๆ คนในที่สุด
ไม่เพียงเท่านั้นพวกมันยังมีภาพยนตร์สร้างชื่อที่ผ่านการรีเมคมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนจนทำให้ไม่ว่าใครที่เกิดยุคไหนก็ตามก็ต้องรู้จัก 2 ตัวร้ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่องก็อตซิลล่าหรือ Planet of the apes ที่เล่าถึงเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างตัวร้ายทั้งสองกับมนุษย์
และด้วยความที่มันได้รับความนิยมและมีผู้ชื่นชอบเป็นจำนวนมากทำให้เมื่อมีข่าวประกาศออกมาว่าทางวอร์เนอร์บราเธอร์ส จะนำเอา 2 ตัวร้ายนี้มาต่อสู้กันเองในภาพยนตร์เรื่อง Godzilla vs. Kong มันก็สามารถสร้างกระแสฮือฮาได้เป็นอย่างดี และได้รับความสนใจตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นมา
แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิค 19 การออกฉายในปี 2021 นี้ก็ถือว่าเป็นการเปิดตัวอย่างอลังการ เพราะมันสามารถทำรายได้ได้อย่างถล่มทลายตั้งแต่ออกฉายวันแรก ไม่เพียงเท่านั้นยังได้รับกระแสวิจารณ์ในแง่บวกอย่างล้นหลามอีกด้วย จนมันกลายเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการกล่าวขานว่าดีที่สุดในปี 2021 เลยทีเดียวแม้ว่ามันจะออกฉายตั้งแต่ต้นปีก็ตาม
ไม่ว่าใครที่ออกมาจากโรงภาพยนตร์นั้นต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ก็ยิ่งสร้างกระแสให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความนิยมและได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น โดยในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะหยิบยกนำเอา Godzilla แบบที่เรารู้จักมาต่อสู้กับคิงคองตัวใหญ่ยักษ์ที่มาจากเกาะกะโหลกที่มนุษย์นั้นไปบังเอิญพบเจอเข้า
หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วภาพยนตร์นั้นเอามนุษย์ไปอยู่ส่วนไหนของภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะดูแล้วจุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้จะอยู่ที่ Godzilla และคองมากกว่า ขอบอกเลยว่าไม่ต้องกังวลเพราะภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถจัด Position ให้มนุษย์ได้ออกมาค่อนข้างดีเลยทีเดียวและยังคงเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินเรื่องราวทั้งหมดอีกด้วย
เรื่องย่อภาพยนตร์เรื่อง Godzilla vs. Kong
Godzilla vs. Kong จะเล่าถึงเรื่องราวที่มนุษย์นั้นได้ไปค้นพบพื้นที่ปริศนาอย่างเกาะกะโหลกเข้า และณที่แห่งนั้นเราก็ได้ค้นพบสัตว์อย่างคิงคองยักษ์เป็นครั้งแรก และแน่นอนว่าเมื่อมนุษย์ได้ค้นพบกับสิ่งมีชีวิตใหม่เราก็ย่อมเกิดความอยากรู้อยากเห็นรวมไปถึงความโลภที่อยากจะครอบครอง ทำให้มนุษย์นั้นได้นำเอาคิงคองยักษ์ตัวนี้มาขังไว้ และมอบหน้าที่ให้ดร.แอนดรูวส์เป็นผู้ดูแลและคอยควบคุม
เขาจึงได้เลือกใช้เด็กสาวคนหนึ่งที่มีชื่อว่าเจีย เธอนั้นมีความสามารถพิเศษในการสื่อสารกับเจ้าคิงคองยักษ์ตัวนี้ได้มาคอยดูแลและควบคุมสัตว์ประหลาดตัวยักษ์นี้ โดยไม่ทันคิดว่าการที่ทั้งสองสื่อสารกันได้นั้นจะทำให้พวกเขามีสายสัมพันธ์ที่แสนพิเศษเกิดขึ้น
แต่แล้วเราก็วุ่นวายมากยิ่งขึ้นเมื่อ Godzilla นั้นบุกขึ้นมายังโลกและกำลังต้องการจะทำลายล้างโลกใบนี้ให้สิ้นซาก ดร.ลินด์จึงต้องการที่จะใช้คองมาเป็นเสมือนกับอาวุธของมนุษยชาติในการต่อสู้กับก็อตซิลล่า ทำให้เจ้าหน้าที่นั้นจับตัวคองเอาไว้และขนย้ายเขาไปยังที่แห่งหนึ่ง
เมื่อมนุษยชาติต้องฝากความหวังไว้กับเจ้าคิงคองยักษ์และคนที่สามารถสื่อสารกับมันได้นั้นก็มีเพียงแค่สาวน้อยกำพร้าอย่างเจียเท่านั้น ทำให้เธอต้องเดินทางไปกับมันด้วย และด้วยมิตรภาพในแบบที่คนไม่เข้าใจของทั้งสองคนนั้นก็ทำให้คิงคองยักษ์ยอมที่จะเข้าร่วมในศึกการต่อสู้ครั้งนี้
แต่ความจริงแล้วเรื่องราวทั้งหมดนั้นมีความลับบางอย่างที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ใต้ใจกลางโลกมนุษย์โดยที่ไม่มีใครเคยรู้หรือระแคะระคายมาก่อนเลยแม้แต่น้อย และมันยังมีความเกี่ยวข้องกับอำนาจปริศนาที่คอยบงการเรื่องราวทั้งหมดให้เกิดขึ้นอีกด้วย บทสรุปของการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นอย่างไรและปริศนานั้นจะถูกแก้ไขหรือไม่ สามารถติดตามรับชมได้ในภาพยนตร์
รีวิวภาพยนตร์เรื่อง Godzilla vs. Kong
Godzilla vs. Kong เป็นเหมือนกับการแก้มือของทีมงานที่นำเอาจุดด้อยของภาพยนตร์ทั้ง Godzilla และคองมาปรับปรุงใหม่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ จนสามารถทำให้จุดด้อยทุกอย่างนั้นสามารถปกปิดได้อย่างสมบูรณ์แบบ และที่สำคัญยังลดแอร์ไทม์มนุษย์ซึ่งเป็นตัวปัญหาในภาพยนตร์ Monsterverse ลงไปอีกด้วย
ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เราไม่จำเป็นต้องเสียเวลานานเราก็จะได้เห็นตัวละครหลักทั้ง Godzilla และคองแทบจะทันทีและแทบจะเห็นก่อนมนุษย์ด้วยซ้ำไป หากคุณเป็นแฟนคลับหรือมีความชื่นชอบตัวร้ายทั้งสองนี้แล้วละก็รับรองว่าคุณจะได้รับชมพวกมันแบบจุใจอย่างแน่นอน
ไม่เพียงเท่านั้นภาพยนตร์เรื่องนี้ยังตัดเรื่องราวดราม่าของมนุษย์ออกไปจนแทบที่จะไม่เห็นอีกแล้ว เราจึงจะได้รับชมการต่อสู้และการแก้ไขปริศนาความลับเกี่ยวกับอำนาจดำมืดในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แบบเต็มอิ่ม และจากเดิมทีที่ทั้งสองตัวนั้นถูกวางให้เป็นตัวร้ายทั้งคู่ แต่รอบนี้คองนั้นได้กลับมาในฐานะของพระเอกแบบเต็มตัว สำหรับใครที่ชื่นชอบทิ้งของยักษ์ตัวนี้แล้วเราก็จะต้องปลื้มปริ่มอย่างแน่นอน
ตัวอย่างหนัง Godzilla vs Kong 2021
หนัง Godzilla vs Kong 2021
เป็นอีกเรื่องที่โดนมรสุมโควิด – 19 แต่ก็ยังดีกว่าเรื่องอื่น ตรงที่เลื่อนมาแค่ครั้งเดียว จากกำหนดเดิมวางไว้ว่าเป็นพฤศจิกายน มาเป็นมีนาคม 2021 เมื่อได้ดูก็เห็นพ้องว่าสมแล้วกับที่วอร์เนอร์และค่ายเลเจนดารี่มั่นอกมั่นใจว่าอย่างไรก็ตาม หนังฉันจะต้องฉายโรงเท่านั้น ไม่ยอมเอาลงช่องสตรีมมิง ก็ต้องชื่นชมวอร์เนอร์และทีมงาน ที่สามารถหยิบข้อผิดพลาดจาก Godzilla: King of the Monsters (2019) มาแก้ไขรอยแผลต่าง ๆ ได้อย่างหมดจดโดยเฉพาะ เรื่องราวทางฝั่งมนุษย์ที่เป็นปัญหามาตลอดในหนังตระกูล Monsterverse ใน Godzilla vs Kong ก็เลยลดเวลาบนจอของเหล่ามนุษย์ทั้งหลายลงไป แล้วเพิ่มเวลาบนจอของก็อดซิลลา และ คิงคอง ให้อย่างจุใจ แต่ถ้าดูชื่อของผู้กำกับ อดัม วินการ์ด (Adam Wingard) แล้ว ก็ยังมองว่า วอร์เนอร์นี่ก็ยังกล้าเสี่ยงกับผู้กำกับหนังสยองขวัญเกรดบี อยู่อีกนะ เพราะภาษีของ อดัม วินการ์ด นี่ก็ไม่ได้เครดิตดีไปกว่า ไมเคิล โดเฮอร์ตี้ (Michael Dougherty) จาก Godzilla: King of the Monsters เท่าไหร่เลย เคยกำกับแต่หนังทุนสร้างไม่ถึง 10 ล้าน อยู่ดี ๆ ก็ก้าวกระโดดมาคุมหนังทุนสร้าง 200 ล้านกันเลยทีเดียว แต่ก็ถือว่าโชคดีที่วอร์เนอร์ไม่พลาดซ้ำสอง Monsterverse ยังได้มีอนาคตไปต่อ
และอีกอย่างจากที่ผ่านมา เนื้อหาของเหล่ามนุษย์ก็มักจะวนเวียนเกี่ยวกับอดีตสามี-ภรรยา หรือดราม่าครอบครัว พ่อแม่ลูก ใน Godzilla vs Kong นี่ยิ้มได้เลยครับ ไม่มีดราม่าเหล่านี้ให้เห็นอีกต่อไป บทหนังวางหน้าที่ของตัวละครฝ่ายมนุษย์ได้ดีในภาคนี้ ด้วยการทำหน้าที่ในการเชื่อมโยงปริศนาการปรากฏของก็อดซิลลา กับภารกิจจำเป็นของคิงคอง และแผนการร้ายขององค์กร APEX
อีกจุดหนึ่งที่หนังทำหน้าที่เอาใจผู้ชมได้ดีก็คือ รอบนี้ไม่ต้องรอไปอีก 20 – 30 นาที กว่าจะได้เห็นคิงคอง หรือ ก็อดซิลลา อีกแล้ว เพราะคราวนี้เราได้เห็นหน้าคิงคองก่อนมนุษย์เสียอีก แม้ชื่อหนังจะเอา Godzilla ขึ้นนำ แต่เอาเข้าจริง ๆ เลย พูดได้เต็มปากเต็มคำล่ะว่าคิงคองดูมีความเป็น ‘พระเอก’ อย่างเด่นชัด เพราะหนังเล่าเรื่องโดยมีคิงคองเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่อง ส่วนก็อดซิลลาก็โผล่มาพะบู๊ด้วยเป็นพัก ๆ ถ้าวิเคราะห์ตามแล้ว จากหนัง King Kong และ Godzilla ที่ผ่านมานั้น จะให้คนดูเชียร์ก็อดซิลลามากกว่าก็คงทำได้ยากล่ะนะ เพราะด้วยพื้นฐานที่เป็นลิง แสดงสีหน้าสายตาสื่ออารมณ์ได้ หน้าตาก็ดูเป็นมิตรกว่าก็อดซิลลา และที่สำคัญคนดูตั้งแต่อดีตจดจำความรู้สึกว่าคิงคองถูกมนุษย์รังควาญและรังแกมาโดยตลอด แม้กระทั่งภาคนี้ก็เหอะนะ เดี๋ยวก็ลากคองไปนู่นไปนี่ ไม่ถามมันซักคำว่าอยากไปมั้ย
ถึงแม้ว่าคิงคองจะได้เปรียบในเรื่องได้ใจคนดูเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็ขอชื่นชมทีมเขียนบทอีกที ที่ฉลาดในการวางสถานะของ ‘ก็อดซิลลา’ ที่แม้ไม่ได้เป็นพระเอกจ๋าแบบคิงคอง แต่ก็ไม่ใช่ผู้ร้ายเสียทีเดียว แม้เห็นหน้าแล้วจะให้ทำใจเชื่อว่าเป็นสัตว์ยักษ์ฝ่ายดีได้ยากเต็มทีเหอะนะ ก็อดซิลลานี่ก็ประมาณเจ้าพ่อขาเก๋าที่ขี้หงุดหงิดประมาณนั้นล่ะ ก็ค่อยไปดูแล้วกันว่าบทหนังพลิกสถานะก็อดซิลลาให้กลับมาเท่ได้อย่างไร ถึงแม้ว่าบทหนังจะมีการปรับเรื่องราวฝั่งมนุษย์ได้ดีขึ้น แต่กระนั้นพลอตเรื่องโดยรวมก็ยังค่อนข้างเบา และดำเนินไปบนสูตรสำเร็จของหนังแนวบล็อกบัสเตอร์เอาใจตลาดอยู่ดี ฝ่ายดีก็ดีตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนฝ่ายร้ายก็ร้ายแบบชัดเจนไม่ต้องแอบแฝง เรื่องราวเดินเป็นเส้นตรงไม่มีหักมุมให้เหวอแต่อย่างใด บทหนังก็ยังคงเต็มไปด้วยช่องโหว่เต็มไปหมด ซึ่งถ้าจริงจังคิดหาเหตุผลตามก็คงหมดสนุกล่ะ เพราะเต็มไปด้วยความเวอร์วังแทบจะทุกนาที ก็ปลอบตัวเองไป ว่านี่เราดูหนังฮอลลีวูดอยู่นะ
งานซีจีนี่เป๊ะสุด ๆ ไม่มีแผลให้เห็นเลย โดยเฉพาะรายละเอียดบนหน้าตาคิงคอง ที่เอาหน้ามาจ่อเต็มจอให้เห็นกันจะ ๆ อยู่บ่อยครั้ง แล้วคิงคองมาครั้งนี้ มาแบบโชว์งานยาก เพราะมีทั้งลงน้ำ ลุยหิมะ คลุกดินคลุกฝุ่น คนเขียนบทนี่ก็ไม่เกรงใจคนทำซีจีกันเลย เพราะแต่ละฉากนี่เราจะได้เห็น คิงคองสะบัดขนแล้วน้ำกระจายออกจากร่าง สะบัดหิมะ สะบัดฝุ่น ถอนหายใจเป็นไอฟืดดดออกจากจมูก ยอมรับเลยว่างานซีจีได้พัฒนามาถึงขั้นสุดแล้วจริง ๆ ตอนเครดิตท้ายเรื่องนี่ชื่อคนทำซีจีอย่างเดียวน่าจะเป็นหลักพันคนเลยล่ะ แต่ที่เห็นชื่อเด่น ๆ ก็คือทีมงาน Weta นี่ล่ะ ที่น่าจะรับผิดชอบมากสุด