รีวิว หนัง FEAR STREET 1994 Netflix
รีวิว หนัง FEAR STREET 1994 NETFLIX ภาพยนตร์ใหม่ที่นำเอาความน่ากลัวในยุค 90 กลับมาเล่าอีกครั้ง
ย้อนกลับไปในยุค 90 เป็นยุคที่สื่อบันเทิงมีเสน่ห์ในตัวเองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาพยนตร์แนวสยองขวัญ เราจะเห็นว่าภาพยนตร์สยองขวัญสูตรสำเร็จในยุค 90 นั้นประสบความสำเร็จอย่างงดงามหลายต่อหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น The Nightmare on elm Street Scream 13th Friday และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนใหญ่แล้วมักจะเล่าถึงเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องเผชิญกับความสยองขวัญ และพวกเขานั้นก็มักจะเดินทางไปที่กระท่อมกลางป่าหรือที่ไกลผู้คน เบื้องหน้าของกระท่อมมีทะเลสาบกว้างใหญ่อยู่ สักพักจะต้องมีใครสักคนมือบอนไปเจออะไรเข้าก่อนที่ความสยองขวัญจะเล่นงานพวกเขาจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด และแน่นอนว่าผู้หญิงผมทองตายก่อนเสมอ
ด้วยความที่ภาพยนตร์สยองขวัญในยุคนั้นมีความสุขสำเร็จเป็นอย่างมากทำให้มันประสบความสำเร็จในช่วงแรกเท่านั้น หลังจากนั้นคนก็เดาได้แถมยังรู้สึกเบื่อกับการเล่าเรื่องราวเดิมๆแค่เปลี่ยนสถานที่กับนักแสดงใหม่ สุดท้ายมันก็กลายมาเป็นภาพยนตร์สยองขวัญเกรดดีที่ไม่มีใครสนใจอีกต่อไปและเสื่อมความนิยมลงไปในที่สุด
แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าภาพยนตร์แนวนี้ยังคงมีหลายคนที่รู้สึกชื่นชอบและคิดถึงกลิ่นอายเก่าๆ ด้วยเหตุนี้ภาพยนตร์ไตรภาคอย่าง FEAR STREET จึงได้ถือกำเนิดขึ้น โดยแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 ภาคด้วยกันออกฉายในเดือนกรกฎาคมทุกวันศุกร์เวลา 14:00 น. ประกอบไปด้วยภาค 1994 1978 และ 1666 แต่ที่เราจะมาแนะนำในวันนี้เป็นภาพ 1994 ที่ออกฉายเป็นที่เรียบร้อยแล้วบน netflix
ภาพยนตร์เรื่องนี้จะสามารถพาคุณย้อนกลับไปสัมผัสกับภาพยนตร์สยองขวัญในยุค 90 ได้เป็นอย่างดีหรือไม่ มีอะไรที่แตกต่างออกไปหรือจะคงไว้ตามเดิมทุกอย่าง ต้องไปรับชมใน netflix กันเอาเอง
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง FEAR STREET 1994
FEAR STREET 1994 เป็นภาพยนตร์เปิดตัวตัวละครชุดหลักทั้งหมดที่พอจบเรื่องแล้วก็จะมีคนที่สามารถรอดตายและไปยังภาคต่อไปได้ แต่หลายคนอาจจะสงสัยเพราะว่าตัวเลขของภาคนั้นย้อนกลับไปตั้งแต่ 10 ปีไปจนถึงหลายร้อยปี ซึ่งเหตุการณ์ในหลายร้อยปีก่อนอย่างปี 1666 นั้นจะเป็นช่วงเวลาที่ตำนานสยองขวัญได้เริ่มต้นขึ้นด้วยการที่ชาวเมืองจับแม่มดได้และฆ่าเธอตาย แต่ก่อนตายเธอได้ทิ้งคำสาปเอาไว้กลายเป็นตำนานเล่าขานต่อกันมาว่าเวลาที่เกิดเหตุคดีฆาตกรรมสยองขวัญขึ้นก็มาจากคำศัพท์ของแม่มดนั่นเอง
ช่วงเริ่มเรื่องนั้นจะนำเอาภาพยนตร์สยองขวัญในยุค 90 ที่ได้รับความนิยมในอดีตมายำรวมกัน ทุกอย่างเริ่มจากการที่หญิงสาวคนหนึ่งได้รับโทรศัพท์ปริศนา หลังจากนั้นฆาตกรสวมหน้ากากสยองขวัญก็มาไล่เชื่อผู้คนจนเสียชีวิตเป็นจำนวนมากในห้างสรรพสินค้า ซึ่งดูยังไงก็เหมือนกับภาพยนตร์เรื่อง Scream แบบไม่มีผิดเพี้ยน มีฉากที่คนร้ายถูกยิงตายแต่ก็มีเรื่องราวเหนือธรรมชาติที่ทำให้ขาวนั้นสามารถฟื้นกลับมาได้
จากนั้นเรื่องราวก็ดำเนินไปตามภาพยนตร์สูตรสำเร็จแบบไม่มีผิดเพี้ยน อาจมีการเพิ่มเสริมความใหม่เข้ามาบ้างแต่ก็จบลงด้วยการปิดท้ายแบบเผื่อทำภาคต่อเอาไว้ แต่โชคดีที่เราทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามันจะมีภาคต่อทำให้เราอาจจะไม่ได้รู้สึกค้างคาจนน่าหงุดหงิดใจอะไรขนาดนั้น โดยในภาคต่อไปอย่าง 1978 นั้นจะเล่าถึงเรื่องราวคดีฆาตกรรมโดยฆาตกรที่คอยถือขวานไล่ฆ่าเด็กนักเรียนวัยรุ่นในแคมป์คล้ายกับภาพยนตร์เรื่องเจสันศุกร์ 13 เราอาจจะต้องรับชมกันต่อไปเพื่อดูว่าภาพยนตร์จะมีอะไรพลิกแพลงให้เรารู้สึกตื่นเต้นบ้าง
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง FEAR STREET 1994
FEAR STREET 1994 เป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวสยองขวัญยุค 90 เท่านั้น หากคุณเป็นคนที่ไม่ชอบภาพยนตร์สูตรสำเร็จแนวนี้ก็จะเกลียดภาพยนตร์เรื่องนี้ไปด้วยเพราะว่ามันเหมือนกันแบบไม่มีผิดเพี้ยน ซึ่งมันก็ไม่ผิดเพราะว่าจุดประสงค์ของภาพยนตร์ชุดนี้คือการทำภาพยนตร์ใหม่ในรูปแบบของภาพยนตร์สยองขวัญยุค 90 มันจึงออกมาแบบนำเอาภาพยนตร์สยองขวัญชื่อดังในอดีตมายำรวมกันไว้ในที่เดียว แน่นอนว่ามันเต็มไปด้วย Easter Egg มากมายที่แฟนคลับภาพยนตร์สยองขวัญยุค 90 จะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน
หนึ่งสิ่งที่น่าสนใจที่ทำภาพยนตร์พยายามจะแหวกแนวกรอบขนบธรรมเนียมเดิมของภาพยนตร์ยุค 90 ก็คือการมีนางเอก 2 คนเป็นคู่รักเลสเบี้ยนกัน เรียกได้ว่าเป็นการพยายามนำเสนอความแตกต่างทางเพศที่มีหลากหลายได้เป็นอย่างดี หากคุณชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วล่ะก็ขอให้ดีใจเอาไว้ล่วงหน้าได้เลย เพราะนอกจากมันจะมีการใช้ต่อเนื่องทุกอาทิตย์แล้วหากระแสดีก็ยังพร้อมจะทำต่อไปอีกด้วย
อย่างไรก็ตามจุดด้อยของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือการนำเอาเรื่องราวในภาพยนตร์สยองขวัญยุคเก่ามาเล่าใหม่ในสไตล์เดิม แน่นอนว่ามันไม่มีอะไรดีขึ้นมากมายนักนอกจากงานภาพที่มีความคมชัดมากขึ้นด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน ทำให้คนที่เคยรับชมภาพยนตร์ต้นฉบับมาก่อนสามารถเดาทิศทางเนื้อเรื่องได้ทั้งหมด กลายเป็นว่ามันแทบจะไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้เราน่าตื่นเต้นเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ด้วยความที่มันออกมาแค่ 1 ภาคจากในทั้งหมด 3 ภาคทำให้เรายังคงไม่สามารถตัดสินได้ว่าในอนาคตมันจะดำเนินทางไปในทิศทางไหนต่อไป หากต้องการที่จะรู้เรื่องราวต่อก็ต้องติดตามรับชมกันต่อไป
ตัวอย่างหนัง FEAR STREET 1994
หนัง FEAR STREET 1994
FEAR STREET ถนนอาถรรพ์ หนังสยองขวัญไตรภาคที่สร้างจากนิยายขายดีมาก่อนของ อาร์.แอล.สไตน์ ซึ่ง Netflix ซื้อสิทธิ์มาทำเป็นของตัวเองโดยตรง มีกำหนดฉายติดต่อกันในเดือนกรกฎาคม ทุกวันศุกร์เวลาบ่ายสอง
ถนนอาถรรพ์ ภาค 1: 1994 มีกำหนดออกฉายวันที่ 2 กรกฎาคม
ถนนอาถรรพ์ ภาค 2: 1978 มีกำหนดออกฉายวันที่ 9 กรกฎาคม
ถนนอาถรรพ์ ภาค 3: 1666 มีกำหนดออกฉายวันที่ 16 กรกฎาคม
ในภาคแรกคือเรื่องราวในปี 1994 เมื่อวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งพบว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมสยองขวัญมากมายที่ตามหลอกหลอนคนทั้งเมืองเชดี้ไซด์มาหลายชั่วอายุคนทุกคดีอาจมีส่วนเกี่ยวพันกัน และพวกเขาเองอาจเป็นเป้าหมายรายต่อไป
เนื้อเรื่องมีเพียงเท่านี้สั้นๆ เพราะนี่คืองานยำหนังสยองขวัญเรื่องดังในอดีตมาไว้ด้วยกัน ที่กำกับโดย Leigh Janiak ผู้กำกับซีรีส์ Scream The Series โดยแต่ล่ะภาคจะเป็นการคาราวะผลงานสยองขวัญขึ้นหิ้งอย่าง Friday The 13th, Scream, Halloween Nightmare on Elm Street หลายๆ เรื่องมายำรวมกันทั้งฉากฆาตกรรม คอสตูมตัวร้ายของแต่ละเรื่อง แต่ไม่ใช่การเอามาตรงๆ ก็มีดัดแปลงไปบ้างเล็กน้อย ซึ่งผู้ชมที่เคยดูหนังเหล่านี้มาก่อนก็คงนึกออกว่าตรงกับเรื่องไหน
ตัวเรื่องภาคแรกใช้ปี ค.ศ.1994 เป็นจุดเริ่มต้นและเป็นตัวละครหลักชุดแรกที่จะมีคนรอดตายไปยังเรื่องต่อไป ซึ่งถ้าดูชื่อภาคอาจจะงงเพราะตัวเลขปีย้อนกลับไปเรื่อยๆ ห่างกันถึงหลายร้อยปีในภาคสุดท้าย ที่ทำต่อกันแบบนี้ได้เพราะภาคแรกเป็นตัวเปิดแฟ้มฆาตกรรมเรียกน้ำย่อยของเหล่าฆาตกรปีศาจจากคดีสยองขวัญในอดีตที่มีมาก่อนแล้วหลายสิบคดีมารวมกัน โดยมีปี 1666 เป็นจุดเริ่มของตำนานความสยองในเมืองที่มาจากแม่มดที่ถูกชาวเมืองฆ่าตาย แล้วทิ้งคำสาปไว้ก่อนตาย ทำให้เป็นตำนานเล่าต่อๆ กันมาว่าคดีฆาตกรรมโหดในเมืองเกิดขึ้นเพราะคำสาปแม่มดตนนี้
ตัวหนังมีเนื้อเรื่องคืบหน้านิดนึงด้วยการเล่าที่มาของมือแม่มดที่ถูกตัดไป และวิธีการแก้คำสาปอีกนิดหน่อยในช่วงย้อนอดีต ก่อนจะจบเรื่องเล่าและกลับมาปัจจุบันในตอนจบของหนัง ซึ่งก็มีต่ออีกนิดเดียวจริงๆ ว่าเป็นช่วงที่ตัวละครปัจจุบันกำลังจะแก้คำสาป แต่ก็ถูกดึงย้อนไปยังปี 1666 ซึ่งเป็นตอนจบของไตรภาคนี้ โดยตัวเรื่องไม่ได้ใช้ตัวละครใหม่อีกแล้ว แต่ใช้ตัวละครทั้งสองภาคมาแต่งหน้าแต่งตัวย้อนยุคเล่นในภาค 3 เหมือนเป็นแนวระลึกอดีตชาติภพของคนในเมืองนี้ ซึ่งก็ต้องดูว่าใช่หรือไม่ sa game 66 หรือแค่การประหยัดงบใช้นักแสดงเดิมมาเล่นเท่านั้น