รีวิว หนัง Eternals ฮีโร่พลังเทพเจ้า
รีวิว หนัง Eternals ฮีโร่พลังเทพเจ้า ภาพยนตร์ Marvel Heroes ที่ฉีกแนวจนหลายคนรู้สึกไม่ถูกใจ
ถ้าพูดถึงภาพยนตร์ในจักรวาล Marvel ที่เล่าถึงเรื่องราวของฮีโร่ทั้งหลายนั้นเราทุกคนต่างรู้ดีว่ามันจะเป็นเรื่องราวแบบไหนเนื่องจากไม่ว่าจะออกมาซักกี่เรื่องต่อเรื่องก็ตามไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ซีรีส์เล่าเรื่องของตัวละครเดี่ยวหรือการรวมกลุ่มสื่อบันเทิงที่มาจากค่าย Marvel ที่เล่าถึงเรื่องราวฮีโร่นั้นจะมีรสชาติที่ใกล้เคียงกันนั่นก็คือเต็มไปด้วยฉากการต่อสู้สุดอลังการมีการสอดแทรกมุขตลกเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ บรรยากาศค่อนข้างที่จะเต็มไปด้วยความสนุกสนานมากกว่าความเป็นเครียดแม้ว่าจะเป็นในช่วงที่ต่อสู้กับศัตรูก็ตามจะบอกว่า Marvel Hero เป็นฮีโร่สายฮาก็ว่าได้ถ้าไม่นับอะไรก็ตามที่มาจากต่างดาว
แล้วทุกคนล้วนมีความจับต้องได้และไม่ได้มีพลังวิเศษเกินจริงด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นอะไรที่เรียบง่าย แต่ตรงใจผู้รับชมไปทั่วทั้งโลก แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้ภาพยนตร์มาร์เวลได้ดำเนินมาจนถึงเฟสที่ 4 เป็นที่เรียบร้อยแล้วและครั้งนี้พวกเขาจะต้องเล่าเรื่องราวของฮีโร่พลังเทพเจ้าซึ่งเป็นฮีโร่ที่มาจากเผ่าพันธุ์ Eternal แน่นอนว่าพวกเขาไม่ใช่คนแม้ว่าเราจะมีภาพยนตร์ฮีโร่เทพเจ้าสายฟ้าอย่าง ธ อร์อยู่แล้ว แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้แตกต่างออกไปเพราะมันเป็นการรวมตัวกันของฮีโร่เป็นจำนวนถึง 10 คนเลยทีเดียวไม่เพียงเท่านั้นพวกเขายังมีอายุกันมาอย่างยาวนานเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงภูมิ
และพลังพวกเขานั้นลงมายังโลกเพื่อภารกิจบางอย่างดังนั้นสิ่งที่จะตามมาก็คือความจริงจังของภาพยนตร์ที่เพิ่มมากขึ้นภาพประกอบเท่ากับจำนวนตัวละครที่ฆ่าตัวละครหลักก็ 10 ตัวเข้าไปแล้วทำให้อเรื่องมันค่อนข้างที่จะดำเนินช้าเป็นภาพยนตร์รอบข้าที่ไม่ได้มีการสอดแทรกมุขตลกอะไรเข้ามามากมายดังนั้นมันจึงเรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ฮีโร่ Marvel ที่ฉีกแนวจนถ้าใครชอบก็จะชอบไปเลย แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบก็จะไม่ชอบไปเลยเช่นเดียวกันไม่เพียงเท่านั้นหลายคนคงจะรู้สึกผิดหวังไม่น้อยเลยทีเดียวที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาในลักษณะดังกล่าวในขณะเดียวกันหลายคนก็รู้สึกดีใจไม่น้อยที่ Marvel มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเล่าเรื่องเสียที
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง Eternals
Eternalis เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวในอดีตกาลนานมาแล้วได้มีผู้ทรงพลังอำนาจทำการสร้างจักรวาลขึ้นมาผู้ทรงอำนาจเหล่านี้ได้มอบหมายภารกิจให้กับสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังในจักรวาลอย่าง Eternal ให้เดินทางมายังโลกมนุษย์เพื่อทำภารกิจในการปราบปรามเหล่า Deviant ที่ซุกซ่อนอยู่ตามสถานที่ต่างๆแอบแฝงบนโลกใบนี้เพื่อไม่ให้โลกต้องเผชิญกับจุดจบอันน่าเศร้า Eternal แต่ละคนนั้นก็จะมีพลังวิเศษที่แตกต่างกันออกไป
ไม่เพียงเท่านั้นยังมีรูปลักษณ์ที่หลากหลายอีกด้วยพวกเขาเปรียบเสมือนกับต้นกำเนิดของมนุษย์ในจักรวาลที่แตกต่างกันทั้งเชื้อชาติและลักษณะภายนอกพวกเขาได้คอยส่งเสริมให้มนุษย์ได้พัฒนาก้าวหน้ามาเป็นเวลานับ 5000 ปี แต่หลังจากเหตุการณ์ในภาพยนตร์เรื่อง Avengers End Game สิ่งที่เหล่า Marvel Hero ทำไปนั้นทำให้โลกเข้าใกล้กลับวันสิ้นสุดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมวันสิ้นสุดของโลกจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่จะทำลายดวงดาวใบนี้ทั้งใบด้วยเหตุนี้ Eternal ทั้ง 10 คนจึงต้องร่วมแรงร่วมใจกันในการเดินทางผจญภัยออกไปรอบโลกเพื่อค้นหาคำตอบว่า
อะไรที่กลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้โลกของเราใกล้ถึงวันสิ้นสุดและยับยั้งมันให้สำเร็จก่อนที่โลกใบนี้จะแตกสลายลงไป แต่ด้วยเวลาที่ผ่านมาอย่างยาวนานมันได้เปลี่ยนจิตใจของพวกเขาแต่ละคนให้แตกต่างไปจากเดิมทำให้เรื่องที่ยากอยู่แล้วกลายเป็นเรื่องที่ยากมากยิ่งขึ้นไปอีกเรื่องราวจะเป็นอย่างไรและพวกเขาจะสามารถร่วมแรงร่วมใจกันทำภารกิจนี้ได้สำเร็จหรือไม่ต้องติดตามรับชมกันต่อในภาพยนตร์
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง Eternals
Eternals เป็นภาพยนตร์ที่ถือว่าฉีกแนว แต่ยังสามารถทำออกมาได้ไม่ดีพอต้องยอมรับก่อนว่าคนที่รับชมภาพยนตร์ Marvel Hero ก็เป็นเพราะว่าพวกเขาชอบรสชาติและบรรยากาศในภาพยนตร์แบบเดิม ๆ พอมีการปรับเปลี่ยนใหม่แล้วทำได้ไม่ดีพอแน่นอนว่าผู้รับชมอย่างเราแบกความคาดหวังไปรับชมแล้วก็ย่อมรู้สึกผิดหวังเป็นธรรมดาไม่มากก็น้อยไม่ได้หมายความว่ามันเป็นภาพยนตร์ที่ไม่เพียง
แต่มันเป็นภาพยนตร์ที่แตกต่างออกไปจนเรานั้นไม่ทันได้ตั้งตัวมากกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถสะท้อนความเป็นมนุษย์ได้ค่อนข้างลึกซึ้งมากกว่าเล่าเรื่องราวการกู้โลกของฮีโร่นักแสดง แต่ละคนนั้นมีคุณภาพและสามารถถ่ายทอดบทบาทาทออกมาได้เป็นอย่างดีการถ่ายทำและกระบวนการผลิตนั้นมีคุณภาพจนทำให้มีอากที่สวยงามออกมามากมายงานคอมพิวเตอร์กราฟิกอยู่ในระดับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของฮอลลีวูดแบบไม่น่าผิดหวัง
มีจุดหักมุมมากมายที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น แต่จุดด้อยก็มีไม่น้อยเช่นเดียวกันด้วยความที่เป็นหนังรอบช้าทำให้การดำเนินเรื่องราวค่อนข้างช้าจนน่าเบื่อไปสักเล็กน้อยและการตัดสลับไปมาทำให้อารมณ์ของเราไม่สม่ำเสมอและไหลลื่นไปกับเรื่องราวเท่าที่ควรการเฉลี่ยบทตัวละครได้ไม่ค่อยดีเนื่องจากตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้มีเป็นจำนวนมากภาพยนตร์ยาวมาก แต่กลับไม่สามารถโฟกัสที่ตัวละครตัวไดตัวหนึ่งได้เลยแม้แต่ตัวเดียว
ตัวอย่างหนัง Eternals
รีวิว หนัง Eternals บางส่วนจาก beartai
ท่ามกลางกระแสก่นด่าจากนักวิจารณ์เมืองนอกและคะแนนในเว็บไซต์รีวิวหนังชื่อดังที่กำลังตกไปในแดนลบ ‘Eternals’ ภาพยนตร์ฉายโรงลำดับที่ 26 ของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลหรือ MCU (Marvel Cinematic Universe) ได้เข้าฉายในประเทศไทยวันนี้เป็นวันแรกกับเดือนที่ 2 ที่โรงหนังกลับมาเปิดให้บริการ (เกือบ) ตามปกติ ผมได้พิสูจน์ตัวหนังมาแล้ว และนี่จะเป็นการรีวิวอย่างตรงไปตรงมาเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของทุกท่าน
‘Eternals’ เปิดเรื่องมาด้วยภารกิจอันน่าตื่นตาและทำให้เราได้รู้ว่าเหล่านักรบนาม อีเทอร์นอลส์ ถูกส่งมายังโลกมนุษย์โดยอริเชมสิ่งมีชีวิตที่เสมือนเป็นพระเจ้าผู้สร้างชีวิต โดยหน้าที่หลักของอีเทอร์นอลส์คือการช่วยเหลือมนุษย์ให้เกิดวิวัฒนาการและปกป้องพวกเขาจากเหล่าดีเวียนต์ สัตว์ประหลาดสุดเกรี้ยวกราดที่มุ่งทำลายมนุษย์และสรรพสิ่งเป็นสำคัญ
หลังอีเทอร์นอลส์ปฏิบัติภารกิจมานับพันปีก็ได้เวลาแยกย้ายเดินทางไปใช้ชีวิตตามวิถีของแต่ละคนโดยหนังเลือกให้เราไปโฟกัสที่ เซอร์ซี (เจมมา ชาน Gemma Chan) อีเทอร์นอลส์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงสสารของสรรพสิ่งได้ ซึ่งปัจจุบันเธอกลายเป็นเจ้าหน้าที่ในพิพิธภัณฑ์ในลอนดอนและเริ่มคบหากับ เดน ไวต์แมน (คิต แฮริงตัน Kit Harington) เพื่อนร่วมงานของเธอแต่แล้วเมื่อเหล่าดีเวียนต์ปรากฎตัวเป็นครั้งแรกในรอบพันปี
เซอร์ซี สไปร์ต (ไลอา แม็กฮิวจ์ Lia McHugh) ผู้มีพลังในล่องหนและใช้มีดเป็นอาวุธ และอีคาริส (ริชาร์ด แมดเดน Richard Madden) ผู้สามารถทะยานฟ้าและยิงลำแสงพิฆาตจากตาได้ต้องรวมพลกับเหล่าอีเทอร์นอลส์อีกครั้งเพื่อต่อกรกับภัยร้ายระลอกใหม่ที่มีโลกทั้งใบเป็นเดิมพัน
จะว่าไปแล้วจุดเด่นที่สุดของอีเทอร์นอลส์นอกจากการเป็นซูเปอร์ฮีโรกลุ่มแรกที่มีสถานะเทพต่อจากธอร์แล้ว อีกจุดที่ต้องพูดถึงคือการพยายามเชื่อมโยงความเป็นฮีโรเข้ากับประวัติศาสตร์และความเป็นมนุษย์จนกล่าวได้ว่าเมื่อหนังดำเนินเรื่องไปสิ่งที่สำคัญกว่าภารกิจที่ต้องกำจัดดีเวียนต์คือการตั้งคำถามต่อตัวเองว่าแท้จริงแล้วมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ควรรักษาไว้หรือไม่
คำพูดหนึ่งของ เอแจ็ก ตัวละครที่รับบทโดยซัลมา ฮาเยค (Salma Hayek) ที่ยกเหตุการณ์ว่าธานอสดีดนิ้วแล้วเอาประชากรครึ่งจักรวาลหายไปกับตา แต่มนุษย์คนหนึ่งยอมสละชีพ (กล่าวถึงไอรอนแมนในหนัง ‘Avengers Endgame’) ดีดนิ้วเพื่อนำคนกลับมา เธอเลยมองเห็นคุณค่าของมนุษย์และต้องการปกป้องมนุษย์จากแผนการของผู้บังคับบัญชาของเธอแม้จะขัดกับเจตนารมย์ที่เหล่าอีเทอร์นอลส์ถูกส่งมายังโลกก็ตาม
ซึ่งมันทำให้บทหนังที่โคลอี้ เจา (Chloé Zhao) ผู้กำกับของหนังร่วมเขียนดูจะให้ความสำคัญกับการศึกษาตัวละครมากกว่าภารกิจเหมือนหนัง MCU เรื่องอื่นและแม้เธอจะต้องใช้กลไกอันซ้ำซากในการบอกเล่าที่มาที่ไปของตัวละครด้วยฉากแฟลชแบ็กจนทำให้น้ำหนักระหว่างภารกิจที่ต้องต่อกรกับดีเวียนต์ดูเป๋ไปบ้าง ทว่าในทางกลับกันมันกลับทำให้เห็นว่าแม้อีเทอร์นอลส์จะถูกกำหนดให้มีสถานะไม่ต่างจากเทพที่คนเคารพบูชาทว่าความเป็นมนุษย์ล้วน ๆ เลยที่ขับเคลื่อนหนังให้มีมิติของดราม่าที่น่าสนใจ
โดยเฉพาะประเด็นความไม่สมบูรณ์แบบที่เหล่าอีเทอร์นอลส์แต่ละคนต้องมาแก้ปมของตัวเอง โดยเฉพาะกรณีรักสามเส้าของเซอร์ซีกับสไปร์ตที่มีอิคาริสเป็นศูนย์กลาง ที่ฝ่ายแรกรอคนรักที่ถึงกับแต่งงานกันเป็นทางการกลับมาครองคู่นับพันปี ในขณะที่ฝ่ายหลังถูกสร้างให้ร่างกายเป็นเด็กจนฝ่ายชายไม่เคยมองเธอในฐานะสตรี และถึงแม้ว่าประเด็นนี้จะถูกผุดขึ้นมาแบบไม่มีที่มาที่ไปคล้ายกับพลอตรองเจ้าปัญหาอีกล้านแปด
ซึ่งส่งผลให้หนังดูมีพล็อตรองอันอีรุงตุงนัง อย่างเช่นประเด็นอาการทางจิตของ ธีนา (รับบทโดย แองเจลินา โจลี Angelina Jolie) เทพีสงครามที่ต้องได้รับการดูแลจากกิลกาเมช (รับบทโดย มาดงซ็อก) อีเทอร์นอลส์จอมพลัง หรือเรื่องการหมดศรัทธามนุษย์และการเริ่มความสัมพันธ์ในสถานะ LGBTQ+ ของ ฟาสโตส (รับบทโดยไบรอัน ไทรี เฮนรี Brian Tyree Henry) อีเทอร์นอลส์นักประดิษฐ์ ที่อาจทำให้คนดูหลายคนหงุดหงิดและรู้สึกว่าหนังแวะริมทางบ่อยเหลือเกิน
แต่เหล่านี้ล้วนแสดงเจตนาชัดเจนว่าหนังภายใต้การกำกับของเจา หาใช่หนังมาร์เวลที่เหล่าฮีโรจะมาปล่อยลำแสงเฮ้ากวงเหมือนที่ผ่าน ๆ มาไม่ แต่มันคือการพาผู้ชมไปรู้จักกับแง่มุมความเป็นมนุษย์ของแต่ละคนซึ่งไม่ได้มีด้านที่เพอร์เฟกต์และไม่ได้มีแค่การผดุงไว้ซึ่งความดีงามอันฉาบฉวยแต่หมายถึงการใช้หลักมานุษยวิทยามาค่อย ๆ อธิบายเหตุผลจนเราได้เห็นพวกเขาต้องสู้ศึกตั้งแต่ศัตรูภายนอกอย่างเหล่าดีเวียนต์จนถึงการสู้รบปรบมือกับจิตวิญญาณตัวเอง