รีวิว หนัง 9 ศาสตรา
รีวิว หนัง 9 ศาสตรา หนึ่งในภาพยนตร์อนิเมชั่นไทยที่ดีที่สุดตลอดกาล
ย้อนกลับไปเมื่อสัก 20 ปีที่แล้วการที่ประเทศไทยนั้นจะสร้างสรรค์ภาพยนตร์อนิเมชั่นออกมานั้นเรียกได้ว่าแทบจะนึกภาพไม่ออกกันเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามในช่วงยุคดังกล่าวเราก็เริ่มเห็นการพยายามสร้างการ์ตูนอนิเมชั่นออกมาในรูปแบบ 2 มิติอย่างจ๊ะทิงจาที่เล่าถึงเรื่องราวของสุดสาคร
แน่นอนว่ามันกลายเป็นการ์ตูนอนิเมชั่น 2 มิติที่ดังระเบิดจนสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้สร้างได้อย่างล้นหลาม และมันยังเป็นตัวแทนของการขับเคลื่อนภาพยนตร์อนิเมชั่นในประเทศไทยอีกด้วย และในเวลาต่อมาไม่นานในที่สุดประเทศไทยก็มีภาพยนตร์แอนิเมชั่น 3 มิติออกมาในชื่อเรื่องว่าก้านกล้วย
ก้านกล้วยหนานเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่ใช้งานภาพแบบ 3 มิติซึ่งสามารถทำออกมาได้อย่างสวยงามและมีรายละเอียดไม่แพ้กับงานโปรดักชั่นของชาวต่างชาติแม้แต่น้อย และแน่นอนว่ามันสามารถทำรายได้ได้อย่างถล่มทลายและกลายเป็นที่ได้รับความนิยมจนถึงขั้นได้รับการดัดแปลงไปทำเป็นเกมเลยทีเดียว และมีการออกภาคต่อออกมาอีกด้วย
แต่จากนั้นดูเหมือนว่าวงการภาพยนตร์อนิเมชั่นไทยก็ซบเซาลงไป เนื่องจากกระแสความนิยมภาพยนตร์แนวสยองขวัญและภาพยนตร์ตลกนั้นมีมากกว่าและเป็นภาพยนตร์ที่สามารถทำรายได้กับชาวไทยได้อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นในตลาดภาพยนตร์ประเทศไทยนั้นก็มีภาพยนตร์อนิเมชั่นจากต่างประเทศเข้ามามีส่วนแบ่งการตลาดอยู่เป็นประจำ
แต่สุดท้ายประเทศไทยก็ได้มีภาพยนตร์อนิเมชั่นที่ดีที่สุดตลอดกาลออกมาจนได้ในปี 2561 ที่ผ่านมา เป็นภาพยนตร์ที่ออกมาเอาใจเด็กๆ ในช่วงวันเด็กพอดี ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นที่นิยมและเป็นที่พูดถึงในวงกว้างอย่างรวดเร็ว นั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง 9 ศาสตรา
9 ศาสตรา ไม่ได้มีดีแค่งานภาพอนิเมชั่นแบบ 3 มิติที่สามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นความคมชัด การออกแบบ เทคนิคการทำอนิเมชั่นที่เรียกได้ว่าเทียบเท่ากับภาพยนตร์อนิเมชั่นจากต่างประเทศ แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้มีความโดดเด่นกว่าเรื่องอื่นๆ ที่เคยสร้างออกมาก็คือการผสมผสานความเป็นไทยเข้าไปได้อย่างกลมกล่อม
แม้ว่าเนื้อเรื่องจะออกมาเป็นเส้นตรงที่มีความเป็นไทยและออกจะเชยไปซักเล็กน้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นการก้าวไปอีกขั้น ซึ่งเป็นก้าวใหญ่ในวงการภาพยนตร์อนิเมชั่นในประเทศไทย หากใครยังไม่เคยได้รับชมขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้เราหารับชมดู รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง 9 ศาสตรา
9 ศาสตราจะเล่าถึงเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่มีชื่อว่าอ๊อต เขานั้นมีชีวิตที่อาภัพเนื่องจากต้องสูญเสียครอบครัวไปตั้งแต่เด็ก แต่ก็โชคดีที่เขานั้นได้ครูมวยชุบเลี้ยงและสั่งสอนวิชาที่หายสาบสูญไปจนมีทักษะการต่อสู้ที่ชำนาญ เขานั้นอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแถบโพ้นทะเลที่ห่างไกลจากตัวเมืองอาณาจักรรามเทพนคร อาณาจักรที่เคยเจริญรุ่งเรืองในอดีตแต่กลับถูกเผ่ายักษ์ยึดครองไป
มนุษย์ตัวเล็กๆ นั้นต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของยักษ์โดยที่แทบจะไม่สามารถต่อสู้อะไรได้เลย ชาวอาณาจักรหลายคนนั้นกลายเป็นทาสและถูกคุมขังเป็นนักโทษ จนวันหนึ่งก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เขานั้นต้องทำภารกิจในการกอบกู้อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ให้กลับมาเป็นของมนุษย์อีกครั้ง
ระหว่างการเดินทางนั้นเขาได้พบกับโจรสลัดอากาศหญิงชาวจีนอย่างเสี่ยวหลาน เจ้าชายนครวานรที่ซุกซนแต่มีทักษะการต่อสู้เป็นเลิศอย่างวาตะ ซึ่งมีความแค้นกับเหล่ายักษ์เนื่องจากนครของเขานั้นถูกทำลายโดยเหล่ายักษ์นั่นเอง และสุดท้ายคือยักษ์สีแดงที่มีชื่อว่าอสูรสีชาด เป็นยักษ์จิตใจดีที่ขึ้นชื่อว่าทรยศพวกพ้อง เนื่องจากมอบความรักให้กับมนุษย์สาวผู้หนึ่ง
พวกเขานั้นต้องร่วมกันออกเดินทางตามหาศาสตราวุธในตำนานเพื่อใช้มันในการต่อสู้กับยักษ์และช่วยเหลือรัชทายาทของอาณาจักรที่ถูกจับกุมไว้ เพื่อเป็นการกอบกู้ให้อาณาจักรกลับมายิ่งใหญ่และอยู่พ้นการปกครองของยักษ์ให้ได้
ความน่าสนใจในภาพยนตร์เรื่อง 9 ศาสตรา
9 ศาสตราเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการวางแผนมาอย่างดี โดยได้ที่ปรึกษาการเล่าเรื่องจาก Hollywood มาให้คำปรึกษาและปรับเรื่องราวให้มีความเป็นสากลมากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมในการนำเอาภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นตลาดต่างชาติ ซึ่งสามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดีไม่ได้ให้ความรู้สึกฝืนแต่อย่างใด
ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้จุดเด่นที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นการออกแบบแต่ละฉากนั้นที่สามารถทำออกมาได้อย่างตระการตาและเต็มไปด้วยความสวยงาม สามารถสะท้อนความเป็นไทยออกมาได้อย่างชัดเจนแต่ก็มีการผสมผสานความ Fantasy เข้าไปให้เหมาะกับรูปแบบการนำเสนอที่เป็นการ์ตูน
ตัวละครแต่ละตัวนั้นน่าเอาใจช่วยและได้รับการออกแบบมาอย่างดี มีเอกลักษณ์และโดดเด่นเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าสามารถนำเอาตัวละครเหล่านี้ไปดัดแปลงต่อยอดเป็นสิ่งต่างๆ ได้แบบสบายๆ ที่สามารถทำได้ขนาดนี้ต้องบอกว่าทุนการสร้างนั้นหมดไปถึง 200 ล้านบาทเลยทีเดียว
แม้ว่าจะน่าเป็นห่วงว่าลำพังในประเทศไทยนั้นตัวอนิเมชั่นเรื่องนี้น่าจะไม่สามารถทำรายได้สูงถึง 200 ล้าน แต่ด้วยการวางแผนเป็นอย่างดีที่มีการตั้งใจนำเอาภาพยนตร์เรื่องนี้ไปฉายในต่างประเทศอยู่แล้ว ทำให้เรายังมีหวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีรายได้และสามารถสร้างภาคต่อออกมาได้ในที่สุด
ตัวอย่างหนัง 9 ศาสตรา
หนัง 9 ศาสตรา หนังอนิเมชันของคนไทย
อู้หู โอ้โห ปากค้างกับความสนุกของหนังแบบเหนือคาด แบบเหนือคาดจริง ๆ ดูหน้าหนังก็ยอมรับล่ะว่างานภาพไม่เผาเอาจริงเอาจังดี ห่วงใจก็แต่เนื้อเรื่องมันจะไท๊ยไทย เช้ยเชย หรือแบบเด๊กเด็ก เพราะประวัติศาสตร์อย่างก้านกล้วย อย่างจ้ามะจ๊ะทิงจา มันเคยมีมาแล้ว!! แต่พอเปิดเรื่องก็เห็นเลยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่อะไรแบบนั้น ถึงจะพลอตสำเร็จรูป ฮีโร่ประสบกรรมตอนเด็ก ได้รับการช่วยเหลือจากครูมวย ได้ฝึกวิชา และจับพลัดจับผลูต้องนำอาวุธวิเศษไปส่งให้เจ้าครองนครสู้กับยักษ์ แต่ทว่าการเล่าเรื่องมันแม่น แถมฉากแอคชั่นก็มันก็สนุกลื่นไหลได้ลุ้นสุด ๆ ถ้าเปรียบเป็นการแข่งเปียโน มันจะมีพวกที่เล่นพลิ้วพิศดาร กับพวกแม่นโน้ตเนี้ยบทุกเสียง ซึ่งเรื่องนี้เป็นแบบหลังเลย ถือว่าเป็นก้าวที่ดีเลยกับการปลุกแอนิเมชั่นไทย หนักพื้นฐานแน่นเรียกศรัทธามาได้โขจริง ๆ ครับ อย่างทีเคยพูดไปว่าถึงดูรอบสื่อมาแล้ว แต่ถ้าหนังจริงเข้าก็จะขอดูอีกรอบ ความรู้สึกว้าวมันชวนให้นึกถึงครั้งได้ดู องค์บาก ครั้งแรกเลยล่ะ ดูเถอะเรื่องนี้
สำหรับคนที่กลัวความลวกเอาเผากินแบบงานไทย ๆ บอกเลยครับว่าหนังใช้เวลาสร้างกว่า 4 ปี ทีมงานทั้งไทยและเทศกว่าอีก 200 คน และทุนสร้างรวมกว่า 230 ล้านบาท คือแปลกใจเลยที่พี่ ๆ ปิดข่าวงานสร้างมาเงียบมาก แล้วมาตู้ม ช็อกเลยแบบนี้ ยิ่งกับชื่อค่ายอย่าง เอ็กฟอร์แมท ฟิล์มส์ ที่ไม่คุ้นหู แถมเปรยตัวว่าเป็น วิช่วลเอเจนซี่ ที่ไม่เคยทำงานแอนิเมชั่นขนาดยาวมาก่อน ก็ดูชวนให้ฉงนเหมือนกันว่าไปซุ่มงานตอนไหนมา จึงไม่แปลกถ้าจะไม่คุ้นชื่อทั้งผู้กำกับ คนเขียนบท คือทั้งเครดิตคุ้นคนเดียว คือ สุธี แสงเสรีชน ผู้ควบคุมเพลงในหนัง หรือก็คือ ครูไก่ แห่งบ้าน AF ที่เราคงคุ้นตาดีนั่นเอง ที่มาคุมงานออร์เคสตราเต็มวงได้อลังการมาก ๆ แต่เมื่อดูเนื้องานในส่วนอื่นนอกจากเพลงก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ ยิ่งเครดิตจบเราเห็นชื่อคนไทยเกือบ 100% เป็นคนทำ ยิ่งโคตรภูมิใจเลยครับ
หนังเล่าเรื่อง อ๊อด (ไต้ฝุ่น KPN) ชายหนุ่มแห่งโพ้นทะเล ผู้ที่มีชีวิตวัยเยาว์แสนอาภัพ โชคดีได้ร่ำเรียนวิชามวยไทยที่สาบสูญไปกับครูมวยท่านหนึ่ง เมื่อเติบโตก็ต้องรับภารกิจอันยิ่งใหญ่ในการกอบกู้อาณาจักรรามเทพนครจากเผ่ายักษ์ โดยร่วมมือกับพลพรรคเพื่อนพ้องที่บังเอิญเจอกันระหว่างการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น เสี่ยวหลาน (โบว์ AF5) โจรสลัดอากาศชาวจีนหุ่นเช้ง วาตะ (มิวสิค AF4) ลิงทะโมนที่เป็นถึงเจ้าชายของนครวานรที่ถูกยักษ์ทำลาย รวมถึง อสูรสีชาด (ชัย ศิริชัย) ยักษ์สีแดงร่างใหญ่ใจดีผู้ได้ชื่อว่ายักษ์ทรยศ อ๊อดต้องนำศาสตราวุธในตำนานที่พ่อของเขาเสี่ยงชีวิตนำหนีออกมาก่อนเมืองจะถูกทำลาย นำกลับไปให้รัชทายาทของอาณาจักรรามเทพนครซึ่งถูกจับกุมไว้เพื่อใช้ในการกอบกู้อาณาจักร
เนื้อเรื่องได้รับการช่วยแก้ไขโดย Bryan Edward Hill ที่ปรึกษาด้านการเล่าเรื่องจากฮอลลีวู้ด ที่ช่วยให้เนื้อหามีความเป็นสากล จึงไม่น่าแปลกใจที่หนังจสามารถตีตลาดต่างชาติได้สบาย เพราะวิธีเล่าเป็นสากล เมื่อนำเอกลักษณ์แบบไทยไปใส่มันก็เลยไม่ดูฝืนดูแปลกแยกนัก ทั้งพวกสถาปัตยกรรม หรือคัทซีนเล่าเรื่องในอดีตที่ใช้ภาพลายฉลุแบบหนังใหญ่มาทำก็ดูสวยดูเนียน ผ่านการคิดมาอย่างดี ถึงขนาดว่าตอนนี้หนังขายให้จีนได้แล้ว และกำลังจะขายให้ทางอเมริกาต่อด้วย นับเป็นโปรเจ็กต์มองใหญ่ของค่าย เอ็กฟอร์แมท ฟิล์มส์ และก้าวสำคัญของแอนิเมชั่นไทยเลยด้วยครับ
สิ่งที่ต้องชื่นชมนอกจากเล่าเรื่องที่แม่นจังหวะ กับฉากแอคชั่นที่คิดมาได้ละเอียด ตัวละครนำพาคนดูไปสู่ฉากใหญ่ ๆ ได้ตื่นตาทั้งหมด ทั้งเกาะไกลโพ้นทะเล การต่อสู้กลางอากาศด้วยเรือเหาะจนผ่านหุบเหว หรือแม้แต่การสู้กับราชายักษ์ก็ปูมาได้อย่างตื่นเต้นมีหักมุมหลอกคนดูด้วย