รีวิว หนัง ละติจูดที่ 6 latitude 6
รีวิว หนัง ละติจูดที่ 6 latitude 6 เมื่อศาสนากลายเป็นข้อจำกัดของความรัก
บนโลกใบนี้ยังมีหลายศาสนาที่คนเรายึดถือปฏิบัติกัน สำหรับในประเทศไทยมีศาสนาที่ได้รับความนิยมและได้รับการนับถือจากคนส่วนมากจะมีทั้งหมด 3 ศาสนาด้วยกัน ประกอบไปด้วยศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ซึ่งในเขตภาคใต้ของประเทศไทยนั้นเป็นเขตที่ชาวมุสลิมหรือผู้ค้นที่นับถือศาสนาอิสลามอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ศาสนาอิสลามนั้นจะมีกฎระเบียบ การปฏิบัติ รวมไปถึงคำสอนที่ออกมาอย่างชัดเจนและเหล่ามุสลิมนั้นมักจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด พวกเขานั้นยึดถือสิ่งเหล่านี้เป็นหลักในการใช้ชีวิตประจำวัน หากเทียบกับศาสนาพุทธแล้วมีอะไรอีกมากมายที่แตกต่างกันรวมไปถึงวัฒนธรรมในศาสนาด้วย
ศาสนานั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนโดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ยึดถือศาสนาเป็นหลักอย่างเคร่งครัดและยึดหลักการปฏิบัติตามคำสอนอย่างตรงไปตรงมา แม้เราจะพูดกันว่าทุกศาสนานั้นต่างสอนให้ผู้คนเป็นคนดี แต่ศาสนาที่ต่างกันก็มีวิธีการประพฤติปฏิบัติรวมไปถึงวัฒนธรรมที่ต่างกัน
ดังนั้นบนเส้นทางความรักของหลายๆ คนที่อยู่ต่างศาสนากันจึงก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมา เนื่องจากข้อจำกัดทางศาสนาที่ทำให้ความรักไม่ราบรื่นหรือบางคนนั้นขั้นไม่ประสบความสำเร็จ สำหรับบางคนอาจยินยอมเปลี่ยนศาสนา โดยเฉพาะศาสนาอิสลามที่ถึงแม้ว่าเราจะนับถือศาสนาอื่นมาก่อน แต่หากต้องการจะแต่งเข้าครอบครัวมุสลิมเราก็ต้องเข้านับถือศาสนาอิสลามด้วยเช่นเดียวกัน
latitude 6 เป็นภาพยนตร์สัญชาติไทยที่จะนำเสนอถึงเส้นทางความรักระหว่างคนสองคนที่นับถือศาสนาต่างกัน รวมไปถึงเรื่องราวการใช้ชีวิตของชาวไทยมุสลิมและชาวไทยพุทธที่อาศัยอยู่ร่วมกันมาอย่างยาวนาน ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายครั้งแรกตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2558 กำกับโดยเจมส์ ธนดล ได้นักแสดงนำมากฝีมืออย่างปีเตอร์ คอร์ปมารับบทนำ
เรื่องราวความรักในภาพยนตร์เรื่อง latitude 6
latitude 6 เล่าถึงชายหนุ่มที่มีชื่อว่าต้น เขานั้นเดิมทีอาศัยอยู่ในตัวเมืองแต่จำเป็นต้องเดินทางมายังจังหวัดปัตตานีและอาศัยอยู่ในจังหวัดนี้โดยที่ไม่เคยมีความคิดว่าจะต้องมาอาศัยอยู่มาก่อน เนื่องจากเขาได้รับคำสั่งย้ายจากธนาคารที่เขานั้นทำงาน
จังหวัดปัตตานีนั้นเป็นอีกหนึ่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีการก่อเหตุรุนแรงและเต็มไปด้วยความไม่สงบมายาวนานหลายปี จนทำให้เป็นจังหวัดที่ค่อนข้างเงียบเนื่องจากไม่ค่อยมีใครอาศัยนอกจากคนในพื้นที่และไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไรนัก
ลำพังตัวเองคนเดียวเขาไม่ได้คิดอะไรมากนักแต่เขานั้นจะต้องพาหลานสาวสุดน่ารักอย่างน้องฝ้ายฟูที่เขานั้นอุปการะเลี้ยงดูอยู่ให้มาอยู่ในจังหวัดนี้ด้วย ดังนั้นการย้ายมาอาศัยอยู่ในพื้นที่เต็มไปด้วยความไม่สงบทำให้เขารู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับความปลอดภัยของหลานสาว
แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อพวกเขาย้ายมาอยู่ในจังหวัดปัตตานีพวกเขาก็พบว่าสถานการณ์ในความเป็นจริงของจังหวัดนี้ไม่ได้เป็นแบบที่เราเห็นกันในข่าว แต่มันเต็มไปด้วยความสงบ เรียบง่าย และสวยงาม ไม่เพียงเท่านั้นการย้ายมาอยู่ในจังหวัดนี้ยังทำให้เขานั้นได้พบกับครูของหลานสาวอย่างฟ้า ซึ่งเป็นชาวมุสลิมอีกด้วย
ฟ้านั้นค่อนข้างจะแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าชื่นชอบในตัวต้น แต่พ่อของเธออย่างครูฮัสซันนั้นไม่ชื่นชอบต้นเท่าไรนัก เนื่องจากเขาเป็นครูสอนศาสนามุสลิมที่นับถือศาสนาอย่างเคร่งครัดและปฏิบัติตามหลักคำสอนทุกประการ เพราะเหตุนี้ทำให้เขาต้องการให้ลูกสาวของตนเองนั้นแต่งงานกับคนในศาสนาและไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนที่อยู่นอกศาสนา
แต่สุดท้ายอุปสรรคด่านแรกก็สามารถผ่านไปได้โดยการช่วยเหลือของมูซา ชายหนุ่มชาวมุสลิมในออฟฟิศที่เป็นเพื่อนกับต้น ที่ช่วยให้ต้นนั้นเข้าใจและสามารถปรับตัวให้เข้ากับวิถีของชาวมุสลิมได้จนทำให้ผู้เป็นบิดาของฟ้ายอมรับในตัวเขามากขึ้น
ถึงแม้ว่าจะเรียกรับการยอมรับมากขึ้น แต่ต้นนั้นก็ต้องกลับมายังกรุงเทพฯเนื่องจากต้องคุยงานกับเพื่อนที่เป็นนักดนตรี เขาจึงได้ให้สัญญากับฟ้าว่าจะพยายามกลับไปให้ทันร่วมงานฉลองมัสยิด แต่เรื่องราวกับไม่ง่ายๆเช่นนั้นเพราะกลุ่มเพื่อนนักดนตรีของต้นนั้นยืนยันว่าจะให้เขากลับไปเล่นดนตรีอีกครั้ง
ต้นจึงต้องเลือกระหว่างการอาศัยอยู่ในปัตตานีต่อไปหรือการทำความฝันเป็นนักดนตรีแต่ต้องอยู่ในกรุงเทพฯ และห่างจากฟ้า แม้ว่าจะลังเลและเต็มไปด้วยความลำบากใจ สุดท้ายแล้วชายหนุ่มจะเลือกคำตอบอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ในภาพยนตร์
เรื่องราวในอีก Timeline ในภาพยนตร์เรื่อง latitude 6
latitude 6 มีการเล่าเรื่องราวอีก Timeline สลับกับเรื่องราวของต้นโดยเล่าถึงเด็กหนุ่มที่มีชื่อว่าชารีฟ เขานั้นเป็นนักกีฬาของโรงเรียน เขามุ่งมั่นและพัฒนาฝีมือของตนเองโดยการฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงจากต้องการเอาชนะนักกีฬาชื่อดังในปัตตานีผู้เป็นคู่แข่งตลอดกาลอย่างกอเซ็มให้ได้
เพราะเหตุนั้นจึงทำให้เขาไม่ได้ใส่ใจเพื่อนคนสนิทอย่างเฟิร์นที่รับหน้าที่เป็นดีเจในวิทยุชุมชนเท่าไรนัก ทำให้เธอรู้สึกน้อยใจและเป็นห่วงเขาอย่างมากโดยเฉพาะเรื่องผลการเรียน และในที่สุดทั้งสองคนก็เกิดเรื่องบาดหมางและไม่มีการพูดจากันอีก
สุดท้ายวันแข่งขันคัดเลือกตัวแทนจังหวัดก็มาถึง แม้ว่าจะโกรธเพื่อนแต่เฟิร์นก็ได้เดินทางไปดูการแข่งขันอยู่ห่างๆ การแข่งขันนี้ไม่ได้เพียงแค่หาตัวแทนของจังหวัดเท่านั้น แต่มันยังทำให้ทั้งสามคนได้รู้ถึงความรู้สึกของตนเองมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ตัวอย่างหนัง ละติจูดที่ 6 latitude 6
หนัง ละติจูดที่ 6 latitude 6 เรื่องราวของความรักความศรัทธา
หมายเริ่มต้นของภาพยนตร์ไทยเรื่อง “ละติจูดที่ 6” เกิดขึ้นจากการตั้งใจสื่อภาพที่งดงามของผู้คนถิ่นใต้ในอีกมุมมอง โดยว่าด้วยเรื่องราวของความรักความศรัทธา ที่จะนำพาให้ผู้ชมข้ามความขัดแย้งต่างๆ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทำบนพื้นที่จริงใน จ.ปัตตานี กระทั่ง 3 ปีเต็มในการทำงานอย่างหนักของทีมงาน เรื่องราวทั้งหมดได้กลายเป็นภาพยนตร์ที่จะเปลี่ยนให้พื้นที่สีแดงในความรู้สึกของผู้คน กลายเป็นพื้นที่สีชมพูในหัวใจ เจมส์-ธนดล นวลสุทธิ์ ผู้กำกับมากฝีมือ เล่าให้ฟังถึงโจทย์ยากที่เจ้าตัวต้องทำให้สำเร็จ นั่นคือการต้องทำหนังเกี่ยวกับภาคใต้และเป็นหนังรักที่พูดถึง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งต้องการสื่อสารกับคนทั่วไปให้รับสารบางสิ่ง
“บทร่างแรกผมเขียนขึ้นมานี่เป็นหนังรักใสๆ เลยนะ (หัวเราะ) แต่พอเราได้มีโอกาสลงไปที่ปัตตานีเพื่อรีเสิร์ชข้อมูล และก็พบว่ามันไม่ใช่อย่างที่เราเขียนไว้เลยก็กลายเป็นว่าวิธีคิดมันเปลี่ยนไป ผมก็เลยกลับขึ้นมาแล้วก็ไปปรับบทใหม่ ซึ่งหลังจากที่เราได้ลงไปที่นั่น ทำให้เราได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างที่ไม่เคยเห็นในมุมที่ต่างออกไป เพราะเหตุการณ์หรือเรื่องราวที่เรารับรู้ มันเป็นเรื่องของข่าวที่ป้อนให้เราเสพ จนเรารู้สึกว่าทำไมเราต้องอยู่แต่กับเรื่องแบบนี้ล่ะ
“จนนึกถึงเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นคนปัตตานี แล้วพยายามที่จะขอให้ครอบครัวย้ายขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯ แต่ทำยังไงพ่อแม่ก็ไม่ยอม เลยเอาตรงนี้มาว่าทำไมคนที่นั่นถึงยังอยู่ตรงนั้น อยู่เพื่ออะไร เลยเอาประเด็นนี้มาตั้งเป็นโจทย์ และเริ่มหาคำตอบ จนได้ข้อสรุปเป็นธีมของหนังเรื่องนี้ คือ ความรัก ความฝัน ความหวัง และศรัทธา”