รีวิว ซีรีส์ TWENTY FIVE TWENTY ONE
รีวิว ซีรีส์ TWENTY FIVE TWENTY ONE ซีรีส์เกาหลีที่กำลังได้รับความนิยมบน NETFLIX ในขณะนี้
ในตอนนี้ดูเหมือนว่าซีรีส์จากเกาหลีจะได้รับความนิยมเป็นพิเศษบน NETFLIX เนื่องจากมีหลายเรื่องเลยที่เดียวที่สามารถติดอันดับบน 10 อันดับสูงสุดที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์เรื่อง FORECASTING LOVE AND WEATHER ALL OF US ARE DEAD หรือที่เราจะพาทุกคนมารู้จักกันในวันนี้นั่นก็คือ TWENTY FIVE TWENTY ONE มันเป็นซีรีส์วัยรุ่นจากเกาหลีใต้ที่กำลังมีกระแสเป็นอย่างมาก ปัจจุบันฉายทั้งบน NETFLIX และทีวีเอ็น สามารถทำเรตติ้งเปิดตัวได้สูงสุดถึง 6.37 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ต้องยอมรับเลยว่ามาจากบารมีคู่พระนางอย่างคิมแทรีและนัมจูฮยอก นักแสดงคู่พระนางที่มีเคมีลงตัวเป็นอย่างมากแถมบรรยากาศภายในเรื่องราวที่นำเสนอในช่วงยุค 90 ซึ่งเป็นยุคที่หลายคนคิดถึง บรรยากาศภายในเรื่องราวเต็มไปด้วยความอบอุ่นหัวใจ มีการใส่ประเด็นเรื่อง COMING-OF-AGE เข้ามา แถมยังเล่าถึงวิกฤตเศรษฐกิจ IMF อีกด้วย มันจึงเต็มไปด้วยความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับซีรีส์เรื่องนี้
มันเป็นซีรีส์ที่ช่วยให้เราหายคิดถึงยุค 90 ได้เป็นอย่างดีเพราะมีการสอดแทรกความทรงจำของผู้คนในยุคนั้นเอาไว้มากมาย มีการเล่าถึงประเด็นที่น่าสนใจกว่าเรื่องความรักวัยรุ่นไม่ว่าจะเป็นการทำตามความฝันหรือชีวิตในวัยเรียนก็ตาม ด้วยความที่มันเป็นซีรีส์แนววัยรุ่นมันจึงสามารถเข้าถึงผู้รับชมได้ง่ายเพราะมันเป็นเรื่องราวที่ผู้รับชมหลายคนเคยผ่านมันมาแล้วและเข้าใจเป็นอย่างดีว่าตัวละครในเรื่องจะรู้สึกอย่างไร
มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยแม้แต่น้อยที่ซีรีส์เรื่องนี้จะได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจนมันกลายเป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับ 4 บน NETFLIX ในช่วงเวลานี้ หากใครกำลังหาซีรีส์เกาหลีแบบอบอุ่นหัวใจเอาไว้รับชมเราขอแนะนำซีรีส์เรื่องนี้เลย
รีวิวซีรีส์เกาหลี netflix
เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง TWENTY FIVE TWENTY ONE
TWENTY FIVE TWENTY ONE เป็นซีรีส์ที่จะพาเราย้อนกลับไปในปี 1998 เป็นช่วงเวลาที่ทั่วทั้งโลกนั้นต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ IMF ซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก ผู้คนจำนวนมากต้องตกงาน คนที่ทำธุรกิจเองก็ประสบปัญหาทางการเงินไม่น้อย ในช่วงเวลานั้นมันจึงเต็มไปด้วยความน่าหดหู่ แต่อย่างไรก็ตามสำหรับเด็กชั้นมัธยมปลายอย่างฮีโดเธอกลับไม่ได้รู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนกับวิกฤตดังกล่าวแต่อย่างใดเพราะเธอมีแม่เป็นผู้ประกาศข่าวชื่อดังที่มีหน้าที่การงานมั่นคง ดังนั้นสิ่งที่เธอกังวลใจในตอนนี้จึงไม่ใช่ปัญหาเศรษฐกิจแต่เป็นเรื่องของอนาคตของเธอเองมากกว่า
นั่นก็เป็นเพราะว่าเด็กสาวคนนี้ต้องการที่จะเป็นนักกีฬาฟันดาบมืออาชีพ แต่ด้วยเศรษฐกิจที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าทำให้โรงเรียนตัดสินใจปิดชมรมฟันดาบไปเนื่องจากไม่มีเงินทุนในการสนับสนุน แต่เธอก็ยังไม่หยุดความพยายาม เธอได้ตัดสินใจย้ายโรงเรียนและมันก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอสามารถเดินตามความฝันได้ต่อไป และมันยังทำให้เธอได้พบกับนักกีฬาฟันดาบมืออาชีพที่เปรียบเสมือนกับต้นแบบของเธออย่างยูริมอีกด้วย
แม้จะดูเป็นการเริ่มต้นที่สวยงามแต่เธอก็มีอุปสรรคเช่นเดียวกันเพราะผู้เป็นแม่ไม่ได้สนับสนุนในการเป็นนักกีฬาฟันดาบแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้เธอจึงได้คิดแผนเพื่อที่จะให้ตัวเองสามารถย้ายโรงเรียนได้สำเร็จ เธอทำทุกอย่างแล้วแหละไม่ว่าจะเป็นการหาเรื่องทะเลาะกับเพื่อน การเข้าร่วมกับกลุ่มเด็กไม่ดีเพื่อท้าตบกับเด็กต่างโรงเรียน หรือแม้แต่การเข้าไปใช้บริการไหมค่ะเพื่อให้ตำรวจจับ แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าจนทำให้ความฝันที่จะได้ย้ายโรงเรียนของเธอต้องดับไป
แต่แล้วในวันหนึ่งเธอก็ได้พบกับอีจิน ชายหนุ่มที่ต้องรับเคราะห์จากการที่ครอบครัวล้มละลายและทำให้เขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อใช้ชีวิตให้อยู่รอดต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วเรื่องราวความฝันของเธอและความรักที่กำลังก่อตัวขึ้นจะเป็นอย่างไรต่อไปต้องติดตามรับชมกันต่อในซีรีส์
ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง TWENTY FIVE TWENTY ONE
TWENTY FIVE TWENTY ONE เป็นซีรีส์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวตัวละครหลักในปี 2021 ที่เธอประสบความสำเร็จเรียบร้อยแล้วและยังมีลูกสาวที่น่ารักอีกด้วย แต่หลังจากนั้นมันก็จะพาเราย้อนกลับไปในอดีตสมัยยุค 90 ที่เธอยังเป็นเด็กนักเรียนวัยรุ่น บรรยากาศของซีรีส์เรื่องนี้จึงคล้ายกับซีรีจากตระกูล REPLY ไม่น้อยเลยทีเดียว มันเป็นซีรีส์ที่เหมือนกับ TIME MACHINE ที่พาเราย้อนกลับไปในยุค 90 พระเอกทำงานอยู่ในร้านเช่าหนังสือการ์ตูน ยังมีการใช้โทรศัพท์เครื่องไหนหรือเพจเจอร์ในการสื่อสาร เพียงแค่บรรยากาศก็สามารถสร้างความสุขและกระตุ้นความทรงจำของหลายคนได้แล้ว
นอกจากนี้ยังมีการสอดแทรกเหตุการณ์สำคัญที่หลายคนน่าจะจำกันได้ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาที่ออกมาให้กำลังใจผู้คนในช่วงที่เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจล้มเหลว การควบรวมกิจการ การประท้วงของพนักงานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์เกาหลี ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงให้เกาหลีใต้มีความแข็งแกร่งมากขึ้นจนถึงปัจจุบัน มีการสอดแทรกรายละเอียดเข้ามาได้ดีและเคารพประวัติศาสตร์อีกด้วย
บรรยากาศโดยรวมในภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากมันจะชวนให้เราคิดถึงอดีตแล้วมันยังทำให้เรารู้สึกอบอุ่นหัวใจไปพร้อมกับความซาบซึ้งอีกด้วย เพราะนอกจากภาพยนตร์จะเต็มไปด้วยเรื่องราวของความสุขมันยังมีการสอดแทรกประเด็นดราม่าเข้ามาตามแบบฉบับของซีรีส์เกาหลีได้อย่างลงตัว