รีวิว ซีรีส์ The Snow Queen
รีวิว ซีรีส์ The Snow Queen ลิขิตรักละลายใจ ซีรีส์แนวโรแมนติกดราม่าผลงานของฮยอนบิน
เรียกได้ว่าเป็นข่าวที่ทำให้แฟนคลับเกาหลีทั่วทั้งโลกต่างก็ยินดีไปพร้อมๆ กันกับการแต่งงานของฮยอนบินและซนเยจิน ทั้งสองมีผลงานมากมายหลากหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นซีรีส์หรือภาพยนตร์ก็ตาม ด้วยผลงานการแสดงที่ยอดเยี่ยมพวกเขาจึงสามารถทำให้ผู้รับชมรู้สึกอินตามเป็นด้วยได้ไม่ยากและสุดท้ายผู้รับชมเหล่านั้นก็กลายมาเป็นแฟนคลับของพวกเขาในที่สุด
แม้ว่าให้ยอนบินจะเป็นนักแสดงที่มีผลงานมากมาย แต่หนึ่งในผลงานที่ยังคงเป็นที่จดจำของผู้คนแม้เวลาจะผ่านมาอย่างยาวนานนับ 10 ปีแล้วก็ตามนั่นก็คือซีรีส์เรื่อง The Snow Queen ลิขิตรักละลายใจ มันเป็นซีรีส์ที่น่าจะทำให้หลายคนต้องหลั่งน้ำตาว่าก่อนอย่างแน่นอนเพราะเป็นเรื่องราวแนวโรแมนติกดราม่าที่เรื่องราวความรักระหว่างพระนางเต็มไปด้วยอุปสรรคและความผิดหวัง ออกฉายครั้งแรกในสถานีโทรทัศน์ KBS2 ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ของเกาหลีใต้ตั้งแต่ปี 2549 แม้จะผ่านมาถึง 16 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ผลงานนี้ก็ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของหลายคนอย่างแน่นอน
สำหรับในประเทศไทยมีการนำเอาซีรีส์เรื่องนี้มาออกฉายหลังจากที่ฉายในประเทศเกาหลีใต้เป็นเวลา 1 ปีนั่นก็คือปี 2550 ทางช่อง 7 สี แปลว่าจะมีจำนวนเพียงแค่ 16 ตอนแต่ก็ทำให้คนไทยอย่างเรานั้นติดกันงอมแงมได้ไม่ยากเลยแม้แต่น้อย แถมเรื่องราวยังเป็นแนวความรักที่ถูกจริตคนไทยอีกต่างหากยิ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าในยุคนั้นคนไทยจะชื่นชอบฮยอนบินมากขนาดไหน สำหรับใครที่อาจจะไม่ทันรับชมซีรีส์เรื่องนี้ผ่านทางโทรทัศน์หรือได้ยินข่าวฮยอนบินแล้วอยากจะย้อนกลับไปดูผลงานของเขาแล้วขอแนะนำเรื่องนี้เลย
ฮ ย้อน บิน ผลงาน ซีรี่ย์เกาหลี ฟิน จิกหมอน
เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง The Snow Queen ลิขิตรักละลายใจ
The Snow Queen ลิขิตรักละลายใจเป็นซีรีส์ที่เล่าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับโชคชะตาที่นำพาให้คนสองคนได้มาพบกัน แทวูเป็นเด็กหนุ่มที่มีความสามารถพิเศษเข้าขั้นอัจฉริยะทางด้านคณิตศาสตร์หรือทีเดียวเขาได้ย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง คัดเฉพาะเด็กนักเรียนระดับหัวกะทิเข้าเรียนในโรงเรียนนี้เท่านั้น แต่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นโรงเรียนที่เต็มไปด้วยเด็กเก่งที่ดูเหมือนจะไม่สามารถหาเพื่อนได้แต่เขาก็ยังได้พบกับเพื่อนสนิทเป็นเด็กสาวที่มีชื่อว่าจูงกู แม้ว่าเธอจะเป็นเด็กสาวแต่เธอก็ไม่เคยยอมแพ้ใครเลยแม้แต่คนเดียว
ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเริ่มต้นจากความรู้สึกไม่ชอบกันก่อนที่จะพัฒนามาสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้นจนกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด นอกจากนี้แทวูยังได้มีโอกาสรู้จักกับโบราด้วยความบังเอิญอีกด้วย เขาสัญญากันเอาไว้ว่าจะไปพบกันอีกครั้งในสวนสนุกซึ่งเป็นวันที่มีการประกาศผลการแข่งขันโอลิมปิกคณิตศาสตร์ที่เพื่อนสนิททั้งสองคนต่างก็เข้าร่วมการแข่งขันเหมือนกัน วันประกาศผลดังกล่าวจึงกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด
เด็กหนุ่มหายตัวไปเป็นระยะเวลานานกว่า 8 ปี ตอนนี้เขาได้เติบโตมาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังได้พบกับโบราอีกครั้งด้วยความบังเอิญอีกด้วย ด้วยความที่สนิทสนมกันอยู่แล้วพอกลับมาเจอกันตอนโตความสัมพันธ์ก็พัฒนากลายเป็นความรักสุดโรแมนติก แต่มันก็มีเหตุที่ทำให้ทั้งคู่ต้องถึงจุดเปลี่ยนเมื่อต่างคนต่างก็รับรู้ความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อ 8 ปีที่แล้ว สุดท้ายแล้วพวกเขาจะสามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้หรือไม่และความรักของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องติดตามรับชมกันต่อในซีรีส์
ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง The Snow Queen ลิขิตรักละลายใจ
The Snow Queen ลิขิตรักละลายใจ เป็นซีรีส์ฉบับมาตรฐานสำหรับซีรีส์เกาหลีในยุค 10 กว่าปีที่แล้ว นั่นก็คือมีความโดดเด่นในด้านการเล่าความรักสุดโรแมนติกที่ทำให้เราเขินจนตัวบิด หลังจากนั้นก็ตบหน้าเราด้วยฉากดราม่าจนทำให้ต้องร้องไห้กับโชคชะตาที่เลวร้ายของพระนาง เป็นการเล่าเรื่องสลับกันไปมาระหว่างความรักและความดราม่าที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแต่ในสมัยนั้นถือว่ามีความน่าสนใจและสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้รับชมได้เป็นอย่างมาก ประกอบกับเรื่องราวที่ค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับคนไทยยิ่งทำให้มันกลายเป็นซีรีส์ที่น่าจดจำมากยิ่งขึ้นไปอีก
ต้องยอมรับเลยว่าการแสดงของทั้งพระนางของซีรีส์เรื่องนี้สามารถทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก เคมีสามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดี ทำให้ผู้รับชมรู้สึกตามไปด้วยได้ไม่ยากเลยแม้แต่น้อย ที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นก็คือมันเป็นซีรีส์เกาหลีแนวโรแมนติกดราม่าก็จริงแต่ในประเทศไทยไม่ได้มีเพียงแค่ผู้รับชมที่เป็นผู้หญิงเท่านั้นแต่ผู้รับชมที่เป็นผู้ชายก็มีจำนวนไม่น้อยเช่นเดียวกัน มันจึงกลายเป็นซีรีส์ที่สามารถครองใจคนได้ทั้งประเทศ
ในส่วนของความดราม่าต้องยอมรับเลยว่าเข้มข้นอย่างแน่นอน มีหลายจุดที่ทำให้เรารู้สึกสงสารตัวละครแต่ละตัวภายในเรื่อง ส่วนของฉากจบหรือว่าสามารถทำออกมาได้ค่อนข้างเจ็บปวดไม่น้อยเลยทีเดียวแต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นฉากจบที่ค่อนข้างตรงกับชีวิตจริงไม่น้อย มันเป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครก็สามารถพบเจอได้ดังนั้นผู้รับชมจึงรู้สึกอินได้มากยิ่งขึ้นไปอีก