รีวิว ซีรีส์ ONE OF US IS LYING
รีวิว ซีรีส์ ONE OF US IS LYING ซีรีส์สุดระทึกขวัญจากวรรณกรรมขายดี
มีสื่อบันเทิงทั้งภาพยนตร์และซีรีส์หลายเรื่องเลยทีเดียวที่หยิบยกนำเอาวรรณกรรมที่ได้รับความนิยมมาสร้างเป็นสื่อบันเทิงฉบับคนแสดง แม้ว่าจุดด้อยของการนำเอานวนิยายหรือวรรณกรรมที่ได้รับความนิยมอยู่แล้วมาสร้างใหม่จะทำให้คนที่เคยอ่านนวนิยายเหล่านั้นรู้อยู่แล้วว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ความสนุกสนานมันก็ยังคงอยู่เพราะเราได้เห็นเป็นรูปเป็นร่างจริงไม่ใช่จินตนาการแต่อย่างใด แถมผู้สร้างทั้งหลายยังมีการดัดแปลงเรื่องราวให้มันเหมาะสมกับสื่อบันเทิงที่นำเสนออีกด้วย ในขณะเดียวกันเองสำหรับคนที่ไม่เคยอ่านนวนิยายมาก่อนแน่นอนว่ามันจะสามารถสร้างความสนุกสนานและน่าติดตามให้กับเราได้อย่างแน่นอน
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีสื่อบันเทิงหลายเรื่องที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรกับการนำเอาวรรณกรรมขายดีมาสร้างเป็นฉบับคนแสดง โชคดีที่ซีรีส์ที่เราจะพาทุกคนมาแนะนำให้รู้จักในวันนี้เป็นซีรีส์ที่สร้างมาจากวรรณกรรมขายดีที่ล้างอาถรรพ์ได้อย่างยอดเยี่ยมนั่นก็คือ ONE OF US IS LYING มันเป็นเรื่องราวแนวลึกลับดราม่าผสมผสานกับเรื่องราวของวัยรุ่น สิ่งที่น่าสนใจคือผู้ร่วมสร้างซีรีส์เรื่องนี้เคยมีผลงานที่ยอดเยี่ยมมาก่อน แถมยังได้คนเขียนบทมากฝีมือมารับหน้าที่ด้วย
ในช่วงแรกของซีรีส์มันอาจจะดำเนินเรื่องราวค่อนข้างช้า แต่หลังจากนั้นมันจะรวดเร็วจนคุณแทบจะตามไม่ทันเลยทีเดียว ดังนั้นมันจึงสามารถสร้างความน่าติดตามให้กับผู้รับชมอย่างเราได้เป็นอย่างดี ทำให้เราอยากรู้ว่าต่อไปจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นและใครกันแน่ที่เป็นฆาตกรตัวจริง นับว่าเป็นเรื่องราวที่มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับใครที่กำลังมองหาซีรีส์เอาไว้รับชม
รีวิวซีรีส์
เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง ONE OF US IS LYING
ONE OF US IS LYING เป็นซีรีส์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา มันเป็นวันธรรมดาทั่วไปที่ทุกคนเดินทางมาเรียนหนังสือเหมือนกับในทุกวัน มีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งประกอบไปด้วยนักกีฬาหนุ่มสุดฮอตอย่างคูเปอร์ เด็กนักเรียนสาวสุดแซ่บหน้าตาดีอย่างแอดดี้ เด็กนักเรียนสุดเนิร์ดอย่างบรอนวิน เด็กเนิร์ดที่ท่าทางดูไม่น่าไว้ใจอย่างไซม่อน และเนท เด็กเกเรที่ต่อต้านทุกสิ่งอย่าง
แต่ละคนมีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ทำให้พวกเขาถูกเรียกตัวมาอยู่ร่วมกันและถูกกักบริเวณ หลังจากนั้นการทำโทษธรรมดาทั่วไปก็ได้ทำให้ชีวิตของพวกเขาต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล เมื่อมีคนหนึ่งในกลุ่มของพวกเขาได้เสียชีวิตลงอย่างเป็นปริศนาไม่มีใครทราบที่มาที่ไป มันเลยทำให้คนที่เหลือที่ถูกกักบริเวณอยู่ด้วยกันถูกสงสัยว่าอาจจะเป็นฆาตกรโดยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
แต่การถูกสงสัยว่าเป็นฆาตกรยังไม่แย่เท่าความรักที่พวกเขาเก็บไว้เริ่มถูกเปิดเผยออกมาและมันก็ทำลายพวกเขาลงไปอย่างช้าๆ สิ่งที่จะช่วยให้พวกเขาหลุดออกจากการถูกสงสัยว่าเป็นฆาตกรได้คือการตามหาความจริงว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังเหตุฆาตกรรมในครั้งนี้ มันทำให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะร่วมด้วยช่วยกันและละทิ้งภาพลักษณ์ที่ฉาบอยู่เบื้องนอกของพวกเขาออกไป มันเป็นสิ่งที่จะชี้ชะตาว่าพวกเขาจะสามารถจบการศึกษาเป็นนักเรียนธรรมดาโดยที่ชีวิตไม่พังไปก่อนหรือไม่ หรือแม้แต่การที่ตัวเองจะไม่ต้องจบลงไปด้วยการเป็นฆาตกรในบรรดาผู้รอดชีวิตทั้งหลาย อย่างไรก็ตามความลับไม่มีในโลกใบนี้ ในวันหนึ่งพวกเขาจะได้เรียนรู้ว่าการมีชีวิตอยู่กับความลับเป็นสิ่งที่ทรมานมากกว่าการตาย
ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง ONE OF US IS LYING
ONE OF US IS LYING เป็นซีรีส์แนวลึกลับดราม่าที่ผสมผสานการสืบสวนสอบสวนคดีฆาตกรรมเข้ามาได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังสามารถสะท้อนชีวิตวัยรุ่นออกมาได้อย่างสมจริงอีกด้วย ในช่วงเวลาที่เด็กต้องก้าวข้ามวัยไปเป็นผู้ใหญ่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมายและความรักที่พวกเขาต้องการจะปกปิดเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ ดังนั้นเรื่องราวภายในซีรีส์เรื่องนี้จึงเต็มไปด้วยปริศนามากมาย ในช่วงแรกมันอาจจะเล่าเรื่องค่อนข้างช้าและมีอะไรหลายอย่างที่อัดข้อมูลเข้ามาให้ผู้รับชมอย่างเรา แต่หลังจากที่เครื่องติดเป็นที่เรียบร้อยแล้วเรื่องจะดำเนินไปค่อนข้างไวจนเราแทบจะไม่สามารถตามทันได้เลย
มันเป็นซีรีส์ที่คาดเดาได้ยากและไม่สามารถบอกได้เลยว่าใครที่เป็นคนดี ใครที่เป็นคนชั่ว หรือแม้แต่ใครที่เป็นฆาตกร ทุกคนล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความน่าสงสัยจะความลับที่พวกเขาซ่อนเอาไว้ มันสามารถสะท้อนปัญหาวัยรุ่นในอเมริกาที่เต็มไปด้วยเรื่องราวซับซ้อนมากมาย มันทำให้ตัวละครแต่ละตัวมีความน่าสนใจและน่าติดตามเป็นอย่างมากแม้ว่าบางครั้งพวกเขาจะมีพฤติกรรมที่น่าขัดใจด้วยความที่ยังเป็นเด็กอยู่ก็ตาม นักแสดงสามารถแสดงบทบาทของตัวเองออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ในส่วนของการนำเสนอเองก็สามารถทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม งานภาพมีความคล้ายกับภาพยนตร์เป็นอย่างมาก แถมดนตรีประกอบยังสามารถใส่เข้ามาได้อย่างเหมาะสมกับเรื่องราวอีกด้วย
แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือในบางช่วงที่มีการเล่าเรื่องค่อนข้างช้าจนแอบน่าเบื่อไปบ้าง ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรือแตกต่างจากซีรีส์แนวลึกลับสืบสวนธรรมดาทั่วไปสักเท่าไหร่ ที่สำคัญคือมีความแตกต่างจากต้นฉบับที่เป็นวรรณกรรมโดยเฉพาะการตัดสินใจของตัวละครเนื่องจากมีการปูเรื่องไปต่อในซีซั่น 2 ทำให้ตอนจบค่อนข้างทิ้งปริศนาเอาไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว