รีวิว ซีรีส์ MOON KNIGHT
รีวิว ซีรีส์ MOON KNIGHT ซีรีส์ซุปเปอร์ฮีโร่จากค่าย MARVEL ที่สามารถโดดเด่นได้ด้วยตัวเอง
หากสังเกตดูให้ดีเราจะพบว่าจักรวาล MARVEL HERO นั้นฮีโร่แต่ละตัวจะมีการส่งเสริมกันและกันอยู่เสมอ อย่างเช่นการที่โทนี่ สตาร์คหรือไอรอนแมนส่งเสริมสไปเดอร์แมน การโคจรมาพบกันระหว่างเทพเจ้าธอร์และ GUARDIANS OF THE GALAXY หรือแม้แต่ล่าสุดที่แม้แต่ด็อกเตอร์สเตรนจ์ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับสไปเดอร์แมนด้วย ในขณะที่ภาพยนตร์เรื่องใหม่อย่างชางชีก็มีตัวละครจากภาพยนตร์เรื่องด็อกเตอร์สเตรนจ์อย่างหว่องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่สามารถพูดได้แบบเต็มปากเต็มคำเท่าไหร่ว่ามีฮีโร่คนไหนที่โดดเด่นขึ้นมาด้วยตัวเองเพียงคนเดียว
แต่ไม่ใช่กับฮีโร่ที่เราจะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันในวันนี้อย่าง MOON KNIGHT ซุปเปอร์ฮีโร่จากค่าย MARVEL ที่มาในรูปแบบของซีรีส์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับใครเลยแม้แต่คนเดียวทำให้เขาสามารถโดดเด่นขึ้นมาได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาบารมีของซุปเปอร์ฮีโร่รุ่นพี่เลยแม้แต่น้อย เป็นการการันตีถึงความสนุกสนานของเรื่องราวและความน่าสนใจของตัวละครได้เป็นอย่างดี และเป็นการพิสูจน์แล้วว่า MARVEL สามารถสร้างตัวละครให้ประสบความสำเร็จได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ตัวละครอื่นมาช่วยแต่อย่างใด
ซีรีส์เรื่องนี้มาในรูปแบบของมินิซีรี่ส์ที่มีเพียงแค่ 6 ตอนจบเท่านั้น เล่าถึงเรื่องราวซุปเปอร์ฮีโร่ที่มาจากประเทศอียิปต์ได้อย่างโดดเด่นผ่านตัวละครที่มีปัญหาหลายบุคลิกซึ่งไม่เคยมีซุปเปอร์ฮีโร่คนไหนเคยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโรคทางจิตเวชแบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่คนเดียว ทำให้เขาเป็นฮีโร่มาร์เวลที่มีความแตกต่างจาก HERO คนอื่นในค่ายเดียวกันเป็นอย่างมาก และในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้นกัน
ซีรีย์ น่าดู Disney+ Hotstar
เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง MOON KNIGHT
MOON KNIGHT เป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีชื่อว่าสตีเวน แกรนท์ ชายหนุ่มที่ต้องเผชิญกับปัญหาการใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเนื่องจากเขานั้นป่วยเป็นโรคหลายบุคลิก โรคดังกล่าวจะเหมือนกับว่าเรามีคนตั้งอยู่ในสมองของเราจำนวน 2 คนขึ้นไป ประกอบไปด้วยตัวตนของเราที่แท้จริงและตัวตนอื่นที่เราสร้างขึ้นมา เป็นโรคทางจิตเวชที่เกิดจากการที่ตัวผู้ป่วยต้องการที่จะหลบหนีความจริงหลังจากเผชิญเหตุการณ์ที่เลวร้ายและไม่สามารถพาตัวเองออกมาจากเหตุการณ์นั้นได้ โดยแต่ละบุคลิกนั้นจะมีชื่อเรียกรวมไปถึงความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป เป็นเพศไหนก็ได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับร่างกายแต่อย่างใด แถมยังมีหลายวัยอีกด้วย
ในเวลาปกติแกรนท์จะทำงานเป็นคนขายของที่ระลึกอยู่ในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ประเทศอียิปต์ แต่ในอีกช่วงเวลานึงเขาจะเป็นทหารรับจ้างที่ใช้ชื่อว่ามาร์ค สเปคเตอร์ ชายผู้เป็นถึงร่างอวตารของเทพคอนซู เทพเจ้าที่คนอียิปต์ยกย่อง เป็นผู้ทำหน้าที่ลงทัณฑ์ผู้กระทำความผิดจนถึงแก่ความตาย เป้าหมายของเขาคือการยับยั้งเทพอัมมิต เทพผู้ตัดสินโทษที่แตกต่างจากเขาอย่างสิ้นเชิง แต่ความวุ่นวายอยู่ตรงที่เขาไม่ได้เหมือนกับผู้ป่วยโรคหลายบุคลิกธรรมดาทั่วไป เพราะเขาไม่รู้เลยว่าเขามีตัวตนอีกหนึ่งตัวตนซุกซ่อนอยู่ในตัวเอง
ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง MOON KNIGHT
MOON KNIGHT เป็นซีรีส์ที่มีความเข้มข้นและเจาะลึกไปที่ตัวละครเอกเป็นอย่างมากเนื่องจากมันเป็นซีรีส์ที่เล่าถึงเรื่องราวฮีโร่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้นทำให้สามารถเล่าเรื่องราวได้อย่างละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากเรื่องราวของฮีโร่มาร์เวลเรื่องอื่นอย่างเห็นได้ชัด เราจะพาเราไปสำรวจอย่างลงลึกเกี่ยวกับตัวละครที่ป่วยเป็นโรคหลายบุคลิกโดยที่สามารถสร้างออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ที่สำคัญคือบุคลิกของตัวละครหลักของเราไม่ได้มีเพียงแค่ 2 บุคลิกเท่านั้นแต่ยังมีบุคลิกอื่นที่จะเปิดเผยตามมาในภายหลังอีกด้วย
ดังนั้นแน่นอนเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้มาพร้อมกับบรรยากาศคอมเมดี้เหมือนกับเรื่องราวของซุปเปอร์ฮีโร่คนอื่นแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ต้องกังวลว่ามันจะเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความลับเหมือนกับภาพยนตร์ฮีโร่ DC เหมือนกับที่แดร์เดวิลเคยทำมาก่อน เพราะเรื่องราวสามารถผ่อนหนักผ่อนเบาได้อย่างลงตัว ทำให้เราสามารถรับชมได้เรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้สึกเครียดจนเกินไปแต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยบรรยากาศที่จริงจัง
อีกหนึ่งความน่าสนใจของฮีโร่คนนี้ก็คือเขาไม่ได้เป็นฮีโร่เพื่อนบ้านที่แสนดีเหมือนสไปเดอร์แมนหรือคนที่คอยช่วยเหลือคนอื่นแต่อย่างใด เพราะเขาเป็นฮีโร่ที่ทำงานให้กับเทพที่จะต้องล้างบางปิดบัญชีกับตัวร้ายในสไตล์แอนตี้ฮีโร่เลยทีเดียว แม้ว่ามันจะไม่ได้ลงทุนอะไรมากมายแต่ฉากแต่ละฉากนั้นก็ถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยรวมแล้วถือว่าสามารถสร้างซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับซุปเปอร์ฮีโร่ในมุมมองที่แปลกใหม่สำหรับ MARVEL ออกมาได้เป็นอย่างดี ไม่ได้ยัดเยียดตัวละครอื่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาเพื่อเสริมบารมีให้กับฮีโร่ตัวนี้แต่อย่างใด เราจึงสามารถโฟกัสเรื่องราวของเขาได้มากขึ้นกว่าเดิม ใส่ปมเกี่ยวกับอุดมการณ์ที่จะขาวก็ไม่ขาวจะดำก็ไม่ดำออกมาได้อย่างน่าสนใจ มีการใส่บรรยากาศโรแมนติกเข้ามาเล็กน้อย ได้กลิ่นอายของความเป็นอียิปต์โบราณ แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คืองานคอมพิวเตอร์กราฟิกยังไม่สมจริงเท่าที่ควร บางช่วงบทอ่อนเกินไปจนทำให้ดูไม่สมเหตุสมผล และมีการตัดจบฉากการต่อสู้ในตอนท้ายไปซึ่งน่าเสียดายเป็นอย่างมาก