รีวิว ซีรีส์ MANIFEST
รีวิว ซีรีส์ MANIFEST จากซีรีส์เก่าสู่การสร้างใหม่อีกครั้งที่มาแบบครบรสมากกว่าเดิม
สำหรับผู้รับชมสื่อบันเทิงแล้ว สิ่งที่จะช่วยให้เรื่องราวในซีรีส์มีความสนุกสนานขึ้นมาได้ก็คือการที่เรื่องราวมีความน่าติดตาม ให้รสชาติที่ค่อนข้างครบ หลังจากที่เรารับชมแล้วก็อยากจะรู้ว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปเป็นอย่างไร ความครบรสและความน่าติดตามจึงกลายมาเป็นองค์ประกอบที่ทำให้เรานั้นติดซีรีส์กันแบบงอมแงม
และซีรีส์ที่เราจะมาแนะนำกันไว้วันนี้ก็เป็นซีรีส์ที่น่าติดตามและครบรสนั่นก็คือ MANIFEST เป็นซีรีส์เก่าที่เคยออกฉายมาตั้งแต่ปี 2018 จนถึง SEASON 3 จากนั้นก็ถูกตัดบทจบไป ในตอนนี้ทาง NETFLIX ได้มีการหยิบนำเอาเรื่องราวดังกล่าวมาสานต่อใน SEASON ที่ 4 อีกครั้งโดยวางเนื้อหาไว้ทั้งหมด 6 SEASONS ด้วยกัน ซึ่งการสร้างใหม่ในครั้งนี้ก็มีความพยายามที่จะกลบจุดด้อยของเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน 3 ภาคแรกที่ทำให้มันไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เฉพาะประเด็นเรื่องตัวร้ายที่ไม่น่าสนใจจนเกินไป ในครั้งนี้พวกเขาได้ปรับเปลี่ยนทุกอย่างให้ดูมีความทันสมัยและน่าสนใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
และสิ่งที่จะไม่พูดถึงไปไม่ได้เลยก็คือความครบรสของเรื่องราวในซีรีส์เรื่องนี้ที่มีการผสมผสานกันได้อย่างลงตัว มีทั้งเรื่องราวดราม่า ความสัมพันธ์ในครอบครัว ความลุ้นระทึก แนวคิดเกี่ยวกับศาสนา การต่อสู้ ทุกอย่างล้วนหล่อหลอมให้ซีรีส์เรื่องนี้มีความครบรสและน่าสนใจมากไปกว่าซีรีส์ใน 3 SEASON แรก ดังนั้นหากคุณเคยรับชมซีรีส์เรื่องนี้มาก่อนแล้วอยากจะติดตามตอนจบที่แท้จริงไม่ใช่ตอนจบที่มีการตัดบทให้จบไปเหมือนกับในตอนนั้นเราขอแนะนำให้คุณลองให้โอกาสพวกเขาอีกสักครั้ง เพราะการกลับมาในครั้งนี้พวกเขาสามารถทำได้ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดและมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก และสำหรับคนที่ชื่นชอบเรื่องราวเหนือธรรมชาติไม่ควรพลาดซีรีส์เรื่องนี้โดยเด็ดขาด
เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง MANIFEST
MANIFEST เป็นซีรีส์ที่จะพาเราขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงเหนือจากพื้นดิน 30,000 ฟุต บนเที่ยวบิน 828 ที่บินขึ้นฟ้าไปเมื่อปี 2013 ที่ผ่านมาพาผู้โดยสารเต็มทั้งลำเดินทางลัดขอบฟ้าไปสู่จุดหมายอย่างปกติเหมือนที่เคยจะเป็น ทุกอย่างดูราบรื่นดีจนกระทั่งพวกเขาได้พบเข้ากับพายุรุนแรงลูกหนึ่ง โชคดีที่กัปตันมีความสามารถทำให้สุดท้ายแล้วพวกเขาก็สามารถนำเอาเครื่องลงจอดได้อย่างสำเร็จและปลอดภัย
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนนั้นต่างก็ตกตะลึงและแทบจะเสียสติเพราะพวกเขาพบว่าการอยู่บนท้องฟ้าในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่พอกลับสู่พื้นดินเวลากลับผ่านไปอย่างยาวนานกว่า 5 ปีครึ่งเลยทีเดียว ข่าวการหายตัวไปของพวกเขานั้นทำให้คนทั้งโลกเชื่อว่าพวกเขาได้ตายไปกันหมดแล้วพร้อมกับเครื่องบินที่สูญหายไม่มีใครเคยค้นหาพบอีกนับแต่นั้น
ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้ทั้งชีวิตของลูกเรือและผู้โดยสารแต่ละคนต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงเพราะระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นมากมาย พวกเขาต้องเผชิญกับเรื่องราวที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ นอกจากนี้พวกเขายังต้องเผชิญหน้ากับเรื่องราวเหนือธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นตามมารวมไปถึงภัยอันตรายร้ายแรงที่เป็นปริศนาแบบไม่มีใครคาดคิดและไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป มันทำให้พวกเขานั้นต้องพยายามเอาตัวรอดจากเหตุการณ์เหล่านี้ให้สำเร็จและพยายามค้นหาความจริงให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง MANIFEST
MANIFEST เป็นการที่ NETFLIX ได้นำเอาซีรีส์เก่าที่เคยออกฉายผ่านทางโทรทัศน์ในปี 2018 มาฉายซ้ำอีกครั้งบนแพลตฟอร์มของตัวเองทั้งหมด 3 SEASON และมีการสานต่อโปรเจคดังกล่าวด้วยการทำ SEASON ที่ 4 ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงได้นำเอาซีรีส์เรื่องดังกล่าวทั้งหมด 3 SEASONS มาลงให้เราได้รับชมเพื่อรอรับชมเรื่องราวใน SEASON ใหม่ที่ใกล้จะมีการเปิดตัวในเร็วๆ นี้ ทำให้เกิดปัญหาขึ้นเพราะการลงซีรีส์ในปริมาณมากในคราวเดียวกัน ทำให้ทีมงานแปลภาษาต้องทำงานอย่างหนักจนทำให้คุณภาพการแปลภาษาของซีรีส์ชุดนี้ทำออกมาได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร
แต่ถ้าไม่นับเรื่องการแปลภาษาซีรีส์ชุดนี้ถือว่าเป็นซีรีส์ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว มันได้นำเสนอเรื่องราวดราม่าที่เหล่าผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่องบินต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตตลอด 5 ปีที่ผ่านมาที่พวกเขานั้นอยู่บนเครื่องบินและไม่ได้รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนพื้นโลกเลยแม้แต่น้อย อย่างเช่นบางคนพบว่าคู่หมั้นของตัวเองดันไปแต่งงานกับเพื่อนสนิท ในขณะที่บางคนพบว่าโรคร้ายที่ตัวเองเป็นอยู่ตอนนี้มีหนทางรักษาเรียบร้อยแล้ว มันทำให้เรื่องราวของแต่ละคนนั้นทั้งน่าสนใจและน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง
กลิ่นอายในช่วงแรกของซีรีส์จะมีความคล้ายคลึงกับภาพยนตร์จากผลงานเขียนของสตีเฟ่น คิง มีความเหนือธรรมชาติและสร้างปริศนาออกมามากมายจะทำให้ผู้รับชมอย่างเรานั้นต้องคอยจับตาดูให้ดีว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปในทิศทางไหน มีการแตกประเด็นแนวคิดทางศาสนาเกี่ยวกับพระเจ้าหรือการชี้นำ หลังจากนั้นก็จะมีการเพิ่มฉากต่อสู้และระทึกขวัญเข้ามามากขึ้น เริ่มให้เราได้ทำความรู้จักกับตัวร้ายที่เต็มไปด้วยความลึกลับและคอยไล่ล่าเหล่าผู้โดยสารและลูกเรืออยู่เสมอ
ตัวอย่างซีรีส์ MANIFEST
รีวิว ซีรีส์ MANIFEST บางส่วนจาก beartai
‘Manifest’ เป็นซีรีส์เก่าทางช่อง NBC ของอเมริกาออกฉากตั้งแต่ปี 2018 และออกมาจนถึงซีซันที่ 3 แล้วถูกตัดจบไปแม้ว่าผู้สร้างอย่าง เจฟ เรก (Jeff Rake) จะวางเนื้อหาไว้ถึง 6 ซีซันก็ตาม ก่อนที่ล่าสุดเน็ตฟลิกซ์จะเข้ามาช่วยสานโปรเจกต์ต่อในซีซันที่ 4 ที่จะลงสตรีมมิงในปีนี้เป็นซีซันจบด้วยจำนวน 20 ตอน เลยทำให้เน็ตฟลิกซ์ได้เอาซีซันเก่ามาลงให้รับชมกันรวดเดียว 3 ซีซันเลยระหว่างรอซีซันใหม่จะมา
และปัญหาแรกที่อยากพูดถึงแต่ต้น ๆ และเป็นข้อติงรุนแรงพอสมควรคือการที่ซีรีส์ถูกลงโครมทีเดียว 3 ซีซันอาจเป็นภาระหนักของคนแปลซับไตเติลเป็นอะไรที่เข้าใจได้ แต่คุณภาพการแปลของซีรีส์เรื่องนี้มันพลาดในจุดที่ไม่ควรพลาดมากเกินไป โดยเฉพาะการแปลตัวละครหญิงแทนตัวเองว่า ‘ผม’ มันทำให้เห็นว่าคนแปลไม่มีแม้แต่เวลาให้พินิจว่าแปลบทพูดของใครอยู่ และหลายครั้งก็แปลสลับคำในประโยคจนจับใจความจริง ๆ ไม่ได้เหล่านี้ ถ้าในอนาคตพอมีเวลา ก็อยากให้กลับมาแก้ด้วยจะดีมาก
ความน่าสนใจนอกจากพลอตเรื่องที่เล่ามาว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีเครื่องบินที่น่าจะหายไปเมื่อ 5 ปีก่อนอยู่ดี ๆ วันหนึ่งก็กลับมาราวปาฏิหาริย์และคนบนเครื่องนั้นไม่ได้แก่ขึ้นเลยแม้สักวันเดียว ราวกับพวกเขาข้ามเวลามา ซึ่งแค่นี้ก็ขายได้แล้ว
มันยังเผยศักยภาพการขายเรื่องราวดราม่า การเรียนรู้เพื่ออยู่กับความพลิกผันใหญ่ในชีวิตได้น่าสนใจ บางคนเสียคุณพ่อคุณแม่ไประหว่างนี้ บางคนคู่หมั้นหันไปแต่งงานกับเพื่อนสนิท บางคนก็เจอแง่ดีอย่างป่วยเป็นโรคที่ยังไม่มีวิธีรักษาแต่พอข้ามเวลามากลายเป็นว่าการแพทย์พัฒนาขึ้นและมีโอกาสรอดเสียอย่างนั้น คือแต่ละตัวละครที่บังเอิญเป็นผู้โดยสารบนเครื่องบินนั้นต่างมีเรื่องราวที่น่าสนใจให้ติดตาม
และก็ทำให้ช่วงเวลากว่า 7-8 ตอนในซีซันแรก มันดำเนินไปเหมือนผลงานเหนือธรรมชาติที่มีกลิ่นอายของ สตีเฟน คิง (Stephen King) ซึ่งมีปริศนาเหนือธรรมชาติและเกินความเข้าใจคอยโอบล้อมเรื่องราวดราม่าของตัวละคร และมีสาระของเรื่องศรัทธาปาฏิหาริย์ ตลอดจนแนวคิดทางศาสนาคริสต์เช่น พระเจ้า พระประสงค์ การชี้นำ นิมิต ล่องลอยอยู่ตลอดเวลา ใครชอบก็ดีไป แต่ใครไม่ชอบจะรู้สึกว่าอ้อยอิ่งเหลือเกิน และดูเชยเหลือเกินกับนิมิตต่าง ๆ โดยเฉพาะปริศนาตัวหลักที่แทบไม่ได้ขยับไปมากกว่าต้นเรื่องเท่าไหร่ กว่าจะเริ่มน่าสนใจมีจุดพลิกผันใหญ่ ๆ ให้อยากดูตอนต่อไปจริง ๆ ก็ตอนที่ 9 ไปแล้ว และตัวละครที่มากมายให้นำมาใช้แต่เอาเข้าจริงก็น่าสนใจแค่ไม่กี่ตัว
แม้ตัวเรื่องจะมีจุดเขย่าความอยากรู้อยากชมมาช้าไปสักหน่อย แต่ทว่าช่วงปูที่ให้เราเข้าใจบริบทของแต่ละตัวละครมันก็ไม่ได้แย่ โชคดีที่ตัวเอกทั้งหลายหน้าตาจรรโลงใจให้ชมได้เพลิดเพลินด้วย ทั้ง จอช ดัลลาส (Josh Dallas) และ เมลิซซา โรซ์บวร์ก (Melissa Roxburgh) ที่เป็นคู่พี่น้องตัวนำเรื่อง รวมถึงกับพวกความขัดแย้งต่าง ๆ ระหว่างตัวละครที่พอทำให้ดูได้เรื่อย ๆ พอประมาณ
และพอซีรีส์เริ่มขยับมีความเป็นแอ็กชันธริลเลอร์มากขึ้น มีตัวร้ายที่ลึกลับ มีฉากไล่ล่าบ้าง มีการวางกรอบเวลาที่ต้องแก้ปมปริศนาให้ทัน ในฝั่งปริศนาก็เหมือนจะมีความคืบหน้าขึ้นทั้งตัวละครใหม่ ๆ ข้อมูลใหม่ ๆ ซึ่งเดาได้ยากที่ไม่ใช่แบบปริศนาเบา ๆ ที่คนดูเดาได้อย่างช่วงครึ่งแรก มันเลยทำให้ซีรีส์ดูน่าสนใจขึ้น