รีวิว ซีรีส์ Love You As The World Ends
รีวิว ซีรีส์ Love You As The World Ends เรื่องราวความรักโรแมนติกในซีรีส์ซอมบี้ฉบับญี่ปุ่น
ในช่วงนี้เห็นได้ชัดเลยว่าเรื่องราวเกี่ยวกับซอมบี้นั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สื่อในฝั่งเอเชียเริ่มมีการสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับซอมบี้กันมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในเกาหลีใต้ที่มีภาพยนตร์และซีรีส์เกี่ยวกับซอมบี้ให้เรารับชมไม่เว้นในแต่ละปี ด้วยความที่ภาพยนตร์จากแต่ละประเทศไม่ว่าจะเป็นฝั่ง Hollywood เกาหลี จีน ญี่ปุ่น ไทย ล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์ของตัวเองที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เรื่องราวเกี่ยวกับซอมบี้จากแต่ละประเทศนั้นก็แตกต่างกันออกไปด้วย
และที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้เป็นเรื่องราวความรักโรแมนติกในซีรีส์ซอมบี้ฉบับญี่ปุ่นอย่างซีรีส์เรื่อง Love You As The World Ends มันเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นนั้นจะมีกลิ่นอายของการ์ตูนผสมผสานเข้ามาเล็กน้อยทำให้มันมีความแฟนตาซีที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับของประเทศอื่น ดังนั้นซีรีส์เรื่องนี้จึงมีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะนอกจากมันจะเป็นซอมบี้ที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นแล้วยังมีการผสมผสานเรื่องราวความรักโรแมนติกเข้ามาอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถนำเสนอเรื่องราวการเอาชีวิตรอดท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยโรคระบาดซอมบี้ออกมาได้เป็นอย่างดี
ไม่ต้องกังวลว่ามันจะมีความเป็นการ์ตูนมากจนเกินไปเพราะถึงแม้ว่าจะขึ้นชื่อว่าเป็นซีรีส์ร์จากญี่ปุ่นแต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ถือว่าสามารถทำออกมาได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว สามารถจำลองโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ออกมาได้น่าลุ้นระทึกแต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยความน่ารักตามแบบฉบับของญี่ปุ่น และต้องไม่ลืมว่าความเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ความน่ารักสดใสแต่มีกลิ่นอายของความโหดเลือดสาดด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นรับรองเลยว่าคุณจะได้เห็นการเอาชีวิตรอดท่ามกลางซอมบี้ที่เต็มไปด้วยความดุเดือดอย่างแน่นอน
รีวิวซีรีส์ญี่ปุ่น netflix
เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง Love You As The World Ends
Love You As The World Ends จะเล่าถึงเรื่องราวของชายหนุ่มช่างซ่อมรถที่มีชื่อว่าฮิบิกิ แม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้มีชีวิตที่สุขสบายแต่เขาก็เป็นคนดี มีน้ำใจ จริงใจต่อคนรอบข้าง และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อยู่เสมอ เขาอาศัยกับแฟนที่คบกันมาตั้งแต่มัธยมปลายอย่างคุรุมิ เขาตั้งใจที่จะขอเธอแต่งงานในเร็วๆ นี้ แต่มันกลับเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อวันหนึ่งเขาดันประสบอุบัติเหตุทำให้ต้องติดอยู่ในอุโมงค์เป็นเวลานานถึง 4 วัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงสามารถเอาชีวิตรอดออกมาได้ กลายเป็นว่าเมื่อเขากลับขึ้นมาบนพื้นโลกได้สำเร็จเขาก็พบว่าเมืองกลายเป็นเมืองร้างไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในขณะที่กำลังสับสนเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเขาก็เพราะเข้ากับซอมบี้พุ่งเข้ามาทำร้าย แม้ว่าเขาจะเอาตัวรอดมาได้สำเร็จแต่เขาก็คิดถึงแฟนสาวว่าเธอจะปลอดภัยดีหรือไม่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบมุ่งหน้ากลับบ้านทันที แต่เมื่อถึงบ้านเขากลับพบว่าเธอไม่อยู่เรียบร้อยแล้ว เขาจึงได้ออกเดินทางตามหาเธอและพบกับผู้รอดชีวิตคนอื่น การได้พูดคุยสอบถามทำให้เขาเริ่มเข้าใจสถานการณ์มากขึ้นว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้ในช่วงเวลาที่เขาหายไปในอุโมงค์ 4 วัน
ด้วยเหตุนี้การเดินทางของกลุ่มผู้รอดชีวิตจึงได้เริ่มต้นขึ้น โดยผู้รอดชีวิตแต่ละคนนั้นต่างก็มีเป้าหมายและความหวังเป็นของตัวเองอย่างฮิบิกิที่มีความพยายามในการตามหาคนรักให้สำเร็จ ระหว่างการเดินทางนั้นเขาพบเจอกับผู้คนอีกมากมายหลายกลุ่มที่รอดชีวิต แต่มันก็ทำให้เขาได้พบคำตอบเกี่ยวกับความเป็นมาของไวรัสที่แพร่ระบาดจนทำให้คนกลายเป็นซอมบี้ไปทั่วทั้งเมือง แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ราบเรียบเสมอไปเพราะผู้รอดชีวิตแต่ละคนนั้นต่างก็ผ่านเหตุการณ์ที่แตกต่างกันมา ทำให้ความสัมพันธ์ของผู้รอดชีวิตแต่ละคนเต็มไปด้วยความซับซ้อนมากขึ้นจนทวีความยากในการเดินทางมากยิ่งขึ้นไปอีก เขาจะสามารถเอาชีวิตรอดได้สำเร็จหรือไม่ต้องติดตามรับชมกันต่อในซีรีส์
ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง Love You As The World Ends
Love You As The World Ends เป็นซีรีส์ที่สามารถทำออกมาได้ค่อนข้างดีในฐานะของซีรีส์แนวโรแมนติกซอมบี้ ในช่วงเปิดเรื่องสามารถสร้างปริศนาที่ทำให้ผู้รับชมอย่างเรารู้สึกอยากรู้อยากเห็นและติดตามต่อ มีการโยนคำถามใส่เราเป็นระยะและมีการเล่าเรื่องที่ไม่พูดยืดยาวยืดเยื้อ การเล่าเรื่องที่ค่อนข้างกระชับมันทำให้เหมาะสำหรับการเป็นซีรีส์แนวซอมบี้ที่ต้องการความระทึกขวัญแบบรวดเร็ว นอกจากตัวละครพระเอกแล้วตัวละครอื่นก็ดูน่าสนใจ แม้ว่าในช่วงแรกจะมีจังหวะยืดยาวไปบ้างเนื่องจากซีรีส์ต้องการให้เราได้รู้จากตัวละครทั้งหมดแต่หลังจากที่เราทำความรู้จักกับทุกคนเรียบร้อยแล้วหลังจากนั้นความสนุกจะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณเลยทีเดียว
ในส่วนของประเด็นความรักที่สอดแทรกเข้ามาท่ามกลางการเอาชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ถือว่าทำออกมาได้กำลังพอดี มีจังหวะย้อนอดีตเพื่อให้เราได้รู้สึกถึงความรักของทั้งคู่ที่สั่งสมกันมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กนักเรียนเพื่อย้ำให้ผู้รับชมเข้าใจตัวละครหลักว่าเพราะเหตุใดเขาจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อตามหาคนรัก แต่ก็เพราะความรักทำให้บางครั้งการตัดสินใจของตัวละครจึงดูน่าหงุดหงิดและไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
จุดด้อยของซีรีส์เรื่องนี้ก็คือมันไม่ค่อยมีฉากการต่อสู้หรือฉากซอมบี้วิ่งไล่อะไรมากมาย ซอมบี้ในซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้น่ากลัวถึงขั้นซีรีส์หรือภาพยนตร์แนวซอมบี้เรื่องอื่น เนื่องจากภาพยนตร์ไม่ได้จะเน้นเล่าถึงเรื่องราวการเอาชีวิตรอดจากซอมบี้มากมายแต่จะเล่าถึงภูมิหลังของแต่ละคนรวมไปถึงเป้าหมายของผู้รอดชีวิตมากกว่า นอกจากนี้มิติของตัวละครบางตัวที่ไม่มีมิติทำให้บางการตัดสินใจของพวกเขาไม่สมเหตุสมผล บางตัวละครมีการเล่าเรื่องราวเน้นหนักได้เป็นอย่างดีแต่เวลาตายกลับไม่ได้แอร์ไทม์จนไม่กลายเป็นที่จดจำ