รีวิว ซีรีส์ HURTS LIKE HELL

รีวิว ซีรีส์ HURTS LIKE HELL

รีวิว ซีรีส์ HURTS LIKE HELL ที่ผ่านมามีซีรีส์ไทยหลายต่อหลายเรื่องที่ได้รับโอกาสฉายบน NETFLIX

นั่นก็เป็นเพราะว่าหากนึกถึงประเทศไทยถ้าไม่พูดถึงอาหารที่ได้รับความนิยมก็คงจะต้องนึกถึงกีฬาที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามอย่างเช่นมวยไทยนั่นเอง ชาวต่างชาติรู้จักกับกีฬาประเภทดังกล่าวในฐานะของกีฬาการต่อสู้และป้องกันตัวที่มีความสวยงามและมีความยากไม่แพ้ใคร แต่ที่พวกเขารู้จักก็เป็นเพียงแค่วงการมวยบนดินเท่านั้น ในประเทศไทยมีสิ่งที่เรียกว่ามวยใต้ดินหรือการแข่งขันกันเพื่อคว้าเงินรางวัลซึ่งไม่ได้ถูกกฎหมายเสียทีเดียว เป็นมุมมืดที่ซุกซ่อนอยู่ตามสังคมโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ยังไม่รวมไปถึงการแข่งขันมวยเด็กที่ถึงขั้นต้องมีการแก้กฎหมายกันเลยทีเดียว ซีรีส์เรื่องนี้จะนำเสนอกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทยออกมาอย่างไรไปดูกัน 

ซีรีส์ไทยบน NETFLIX ที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา แพลตฟอร์มที่ได้รวบรวมสื่อบันเทิงชื่อดังเอาไว้ทั่วทั้งโลกและเปิดโอกาสให้คนทั่วทั้งโลกได้รับชม แต่ที่ผ่านมาก็มีทั้งที่ทำออกมาได้ดีและทำออกมาได้ไม่ดีสักเท่าไหร่เช่นเดียวกัน มีซีรีส์ไทยหลายเรื่องที่พยายามทำให้ดูมีความอินเตอร์ขึ้นมาแต่ภาพรวมที่ออกมานั้นดูไม่ไปในทิศทางเดียวกันสักเท่าไหร่ แต่ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้เป็นซีรีส์ไทยบน NETFLIX ที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาก็ว่าได้ นั่นก็คือซีรีส์เรื่อง HURTS LIKE HELL

เป็นซีรีส์ที่สามารถนำเสนอเรื่องราวที่ถ่ายทอดความเป็นไทยออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมหรือสิ่งที่ได้รับความนิยมก็ตาม เป็นซีรีส์จำนวนเพียงแค่ 4 ตอนจบจำลองเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังที่เกิดขึ้นในวงการมวยไทย นำเสนอในลักษณะของสารคดีประกอบกับการจำลองเหตุการณ์ โดยดัดแปลงมาจากเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นจริงของคดีที่อยู่ในแวดวงมวยไทย 

ซีรี่ย์ไทย netflix 2022

เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง HURTS LIKE HELL

ในช่วงแรกเราอาจจะได้ดูเรื่องราวการแข่งขันมวยในสนามโดยเป็นการพนันแบบเต็มๆ แต่หลังจากนั้นจะมีการเล่าเรื่องราวย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ก่อนที่จะดำเนินมาถึงจุดนี้ และเรื่องราวอีกมุมหนึ่งของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทำให้เป็นการเล่าเรื่องราวที่มีมิติค่อนข้างครบถ้วนแม้ว่าจะมีการแต่งเติมเหตุการณ์จนบิดทะลุไปจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงไปบ้างก็ตาม 

HURTS LIKE HELL เป็นซีรีส์จำนวน 4 ตอนจบโดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ตอนที่ 1 และตอนที่ 2 นั้นจะเล่าถึงเรื่องราวของนักมวยผู้ใหญ่เป็นเซียนมวยขาใหญ่ในสนามที่ต้องพัวพันกับเหตุการณ์การล้มมวย การล้มมวยนั้นเป็นการที่นักกีฬาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมรับสินบนเพื่อให้ตัวเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เป็นสิ่งที่ผิดกติกาและไม่เป็นที่ยอมรับในการแข่งขันไม่ว่าจะเป็นบนดินหรือใต้ดินก็ตาม ส่วนตอนที่ 3 และ 4 นั้นจะเล่าถึงเรื่องราวของนักมวยเด็กและเทนเนอร์ที่จะต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพในวงการมวยที่เต็มไปด้วยการแข่งขันระดับสูง 

แม้ว่าจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนแต่ตัวละครจะเป็นตัวละครเดิมๆ ที่ใช้ปนกันไปมาเนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกันทางใดทางหนึ่ง ทุกตัวละครจะมีเบื้องหลังเป็นคนสีเทาๆ พวกเขาพยายามอย่างหนักในการขับเคลื่อนวงการมวยไทยมาจนถึงตอนนี้ถึงแม้ว่าในการแข่งขันกีฬาจะเต็มไปด้วยผลประโยชน์ทับซ้อนก็ตามที มีเหตุการณ์ BUTTERFLY EFFECT ที่เกิดขึ้นจากเรื่องหนึ่งจนไปกระทบอีกเรื่องหนึ่งและกลายเป็นเหตุการณ์บานปลายเกินการแก้ไขในที่สุด

ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง HURTS LIKE HELL

การใส่เรื่องราวการดิ้นรนชีวิตของเด็กเข้ามาทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความสะเทือนใจและความดราม่า โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงเมื่อมีเด็กตายในสังเวียน ในส่วนของสารคดีที่มีการเล่าเรื่องราวตัดสลับเหตุการณ์จำลองนั้นจะเป็นภาพการสัมภาษณ์สั้นๆ ของบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการมวยนับตั้งแต่ค่ายมวย เซียนมวย นักมวยชื่อดังใน นักมวยทีมชาติ แพทย์สนาม แม้กระทั่งนักมวยเด็กตัวจริงที่อยู่ในคดีเพื่อเข้ามาเสริมน้ำหนักให้เรื่องราวมีความน่าสนใจและสมจริงมากขึ้นกว่าเดิม 

HURTS LIKE HELL เป็นการนำเอาเรื่องราวเกี่ยวกับมวยไทยที่แม้แต่คนไทยเองก็ยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางมาตีแผ่ให้ทุกคนได้รู้โดยทั่วกัน อย่างเช่นเรื่องราวการแข่งมวยของเด็กที่ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นเด็กที่ยากจนจึงต้องมาแข่งขันกีฬาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความรุนแรงเพียงเพื่อที่ตนเองนั้นจะได้รับเงินมาประทังชีวิต ทำให้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้กฎหมายเกี่ยวกับการแข่งขันมวยไทย ปกติแล้วจะสามารถเริ่มฝึกได้ตั้งแต่อายุ 2 ขวบและต่อยจริงได้เมื่อมีอายุ 6 ขวบ แต่กฎหมายจะแก้ให้สามารถต่อยจริงได้เมื่ออายุ 12 ขวบขึ้นไป

สิ่งที่ทำได้ดีสำหรับซีรีส์เรื่องนี้ก็คือการนำเสนอเรื่องราวโดยเฉพาะการกำกับภาพที่ทั้งแสงและสีรวมไปถึงการเคลื่อนไหวของกล้องสามารถสื่อความหมายโดยนัยออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมหลายต่อหลายฉาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นผลงานของผู้กำกับใหม่ที่แทบจะไม่เคยมีผลงานมาก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย 

สิ่งที่น่าเสียดายของซีรีส์เรื่องนี้ก็คือเรื่องราวของเซียนมวยในสนามที่ภาคส่วนใหญ่นั้นจะเป็นมุมมองจากนอกสังเวียนที่ต้องดูจากไกลๆ ซึ่งปกติแล้วการถ่ายทำนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสอดแทรกเสียงการเตะต่อยมวยที่คมชัดเข้ามาได้ จึงต้องมีการใส่เสียงเทียมเข้ามาจนทำให้ดูไม่สมจริงเท่าที่ควร รวมไปถึงฉากการต่อยมวยที่ดูเหมือนจะสมจริง แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่การต่อยเสมือนจริงเท่านั้นเป็นการแสดงไม่เหมือนกับการแข่งมวยจริงแต่อย่างใด เป็นสิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ยังไม่สมบูรณ์แบบเพราะเราต้องไม่ลืมว่าแม้จะเล่าเรื่องราวดราม่าเกี่ยวกับตัวนักมวยแต่มวยก็นับว่าเป็นพระเอกสำคัญของซีรีส์เรื่องนี้เช่นเดียวกัน 

ตัวอย่างซีรีส์ HURTS LIKE HELL

รีวิวซีรีส์ HURTS LIKE HELL บางส่วนจาก trueid

รีวิว Hurts Like Hell (เจ็บเจียนตาย) ซีรีส์กึ่งสารคดีที่ดีเกินคาด ผลงานคนไทยที่ไม่ควรมองข้าม บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่า ซีรีส์เรื่องนี้ จะเป็นซีรีส์กึ่งสารคดี ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในวงการมวยไทย แค่รับแรงบันดาลใจนะ แต่เขานำมาดัดแปลงและเขียนเป็นบทขึ้นมาใหม่ จะเป็นเรื่องราวของการพนันในวงการมวย รวมถึงกลโกงต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในวงการมวย ทั้งการที่นักมวยโดนจ้างล้มมวย การวางยานักมวย กรรมการโกง หรือแม้แต่อุบัติเหตุที่เคยเกิดขึ้นระหว่างการชก ทุกอย่างถูกนำมาดัดแปลงและโยงหากันให้กลายเป็นซีรีส์เรื่องเดียวกัน พร้อมกับมีการนำคนในวงการมวย มานั่งอธิบายและเสนอมุมมองของแต่ละคนต่อเหตุการณ์ต่างๆ นำแสดงโดย ณัฏฐ์ กิจจริต, วิทยา ปานศรีงาม, นพชัย ชัยนาม, ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ และ ภูริภัทร พูลสุข เรื่องราวด้านมืดของวงการมวยไทยจะเป็นอย่างไร ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Hurts Like Hell (เจ็บเจียนตาย) มีทั้งหมด 4 ตอน รับชมได้แล้วตอนนี้ทาง Netflix

บอกก่อนเลยว่า ตอนเห็นตัวอย่าง ผมก็คาดหวังพอตัวเลย เพราะเห็นงานภาพและการโปรดักชั่นที่ดูดีและน่าสนใจมากๆ แต่ในใจก็ยังไม่อยากคาดหวังเท่าไหร่ เพราะคอนเทนต์ของไทยที่เป็นของ Netflix ที่ผ่านๆ มามักทำให้ผมผิดหวังตลอด และทุกเรื่องที่ผ่านมาก็งานภาพและโปรดักชั่นดีแบบนี้ ผมเลยเผื่อใจไว้ แต่กลับกลายเป็นว่า ซีรีส์สารคดีเรื่องนี้มันต่างจากที่ผ่านๆ มา เพราะเรื่องนี้มันดีพอตัวเลย เริ่มที่บทกันก่อน บทเขียนมาค่อนข้างดีมากๆ เลย ชอบการนำเสนอด้วย ฉลาดมากที่นำเรื่องจริง ไปดัดแปลงใหม่และสร้างบทขึ้นมาใหม่ให้กลายเป็นซีรีส์เรื่องหนึ่ง และเขียนบทมาดีด้วย ทุกเหตุการณ์เชื่อมโยงกันหมด ส่วนนี้คือเจ๋งมากๆ และสิ่งที่ต้องชมเลยคือ การเลือกเอาคนในวงการมวยตัวจริง รวมถึงคนในเหตุการณ์เหล่านั้น มานั่งพูดคุย อธิบายถึงเรื่องต่างๆ ในระหว่างการเล่าเรื่อง ถือเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดจริงๆ ทำให้การดำเนินเรื่องมีความน่าสนใจ และไม่น่าเบื่อ รู้ตัวอีกทีก็ดูจบแล้ว

ต่อมาด้านการแสดง ส่วนนี้ถือว่าดีเยี่ยมเช่นกัน แคสต์นักแสดงมาดีเลย และทุกคนก็แสดงได้ดีจริงๆ ณัฏฐ์ รับบทเป็น พัฒ (เซียนมวย) ก็แสดงดีตามมาตรฐานของเขา แม้ว่าจะมีบางซีนที่ดูขัดๆ ตาไปบ้าง แต่โดยรวมคือโอเคเลย แต่คนที่ผมมองว่าแสดงดีและโดดเด่นก็คงจะเป็นคุณลุง ปู วิทยารับบทเป็น กรรมการผู้ชี้ขาด คนนี้ถ้าใครเคยดูหนังไทยจาก Netflix มาก่อนจะจำแกได้ดี แกถือเป็นนักแสดงไทยลูกรักของ Netflix เพราะแกแสดงทุกเรื่อง และเหตุผลก็เพราะแกแสดงดีมากๆ นั่นแหละ และเรื่องนี้ป๋าแกก็ยังรักษามาตรฐานของตัวเองได้ดีเช่นเคย และอีกคนที่ผมชอบมากๆ คือน้อง ภูริภัทร พูลสุข ที่รับบทเป็น วิเชียร นักมวยรุ่นเยาว์ ซึ่งน้องแกเป็นนักมวยจริงๆ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นนักแสดงด้วยซ้ำ เพราะน้องแสดงดีและเอาอยู่จริงๆ และที่ขาดไม่ได้เลยคือป๋า ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ รับบทเป็น เซียนใหญ่ แสดงได้โคตรน่าหมันไส้จริงๆ ฉากตอนแกอารมณ์เดือดนี่อย่างได้เลย ลุคแกดูเป็นเซียนมวยจริงๆ คือดูแล้วเชื่อเลย ส่วนนักแสดงสมทบคนอื่นๆ ก็ถือว่าทำได้ดีใช้ได้เลย ส่วนนี้ไม่มีอะไรจะติมากมาย

สุดท้ายคือด้านงานภาพและโปรดักชั่น สำหรับส่วนนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นของ Netflix ก็ไม่ต้องกลัวเลย เพราะแม้หนังและซีรีส์ส่วนใหญ่ของ Netflix จะบทไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เรื่องงานภาพและงานโปรดักชั่นมักจะออกมาดีเสมอ แถมเรื่องนี้ยังออกมาดีเกินคาดด้วย ทั้งการจัดแสง มุมกล้องต่างๆ ทำออกมาได้ดีมาก ติดอย่างเดียวเลยคือ กล้องชอบสั่น ซึ่งเขาอาจจะตั้งใจก็ได้ (มั้ง) แต่ส่วนตัวผมก็รับได้นะ ฉากตอนเชียร์มวยข้างสนาม ที่จัดแสงใส่ตัวละครหลัก ผมว่ามันเจ๋งดี และทำกันแบบโต้งๆ ไปเลยว่ามันคือการจัด แต่ผมกลับชอบซะงั้น การโปรดักชั่นจัดเต็มมากๆ ฉากโดนยิงคือทำดีจริง เกินคาด อีกอย่างที่อยากชมมากคืออินโทรเปิดเรื่อง ที่ทำเป็นสีแดงและเป็นอนิเมชั่น พร้อมกับเลือกเพลง Hailstorms ของ Hugo มาใช้อีก แจ่มมาก ดูไปดูมาอินโทรก็มีความคล้ายกับ MV เพลงนี้อยู่นะ มันเลยเข้ากันจริงๆ อีกอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นในหนังและซีรีส์ไทยเท่าไหร่เลยคือ ซีรีส์เรื่องนี้ใช้เพลงประกอบเป็นเพลงสากลแทบทั้งหมด และเป็นสิ่งที่ผมอยากเห็นมานาน แสดงให้เห็นว่าไม่จำเป็นต้องเพลงไทย มันก็ใช้ได้ ชื่นชมจริงๆ ในส่วนนี้ ท้ายสุดนี้ผมขอให้คะแนนซีรีส์สารคดี Hurts Like Hell (เจ็บเจียนตาย) ไว้ที่ 8.5/10 คะแนน

แนะนำหนัง รีวิวหนัง รีวิวซีรีส์เกาหลี Netflix ซีรีส์ต่างประเทศ

นักแสดงซีรีส์ HURTS LIKE HELL

ณัฏฐ์ กิจจริต

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า