รีวิว ซีรีส์ HANNA
รีวิว ซีรีส์ HANNA ซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ของตัวเอง
ปกติแล้วเรามักจะเห็นซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากสื่อชื่อดังอื่นๆ มากมายอย่างเช่นการ์ตูน นวนิยาย อนิเมชั่น หรือแม้แต่เพลง แต่เราไม่ค่อยเห็นสักเท่าไหร่กับการนำเอาเรื่องราวฉบับคนแสดงอย่างภาพยนตร์มาดัดแปลงเป็นซีรีส์ฉบับคนแสดงอีกครั้ง อย่างเช่นที่ในประเทศไทยของเราเคยมีการทำมาแล้วนั่นก็คือการเอาภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอย่างฉลาดเกมส์โกงมาตราแปลงเล่าส่วนขยายเพิ่มเติมในซีรีส์ หากคุณเป็นคนชอบเรื่องราวแนวนี้อยู่แล้วเราขอแนะนำซีรีส์เรื่อง HANNA
มันเป็นซีรีส์แนวต่อสู้ดราม่าที่ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ของตัวเองและสามารถทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว เรียกได้ว่ากลบจุดด้อยของภาพยนตร์ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้มันสนุกสนานและดูไหลลื่นมากกว่าตอนที่เป็นภาพยนตร์ ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการที่ซีรีส์เป็นการเล่าเรื่องราวที่ค่อนข้างยาวติดต่อกันหลายชั่วโมง และซีรีส์เรื่องนี้ก็ออกมาแล้วถึง 3 SEASONS เลยทีเดียวมันจะมีเวลาให้ผู้รับชมสามารถสัมผัสกับรายละเอียดและเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมซึ่งจะช่วยเสริมความสมเหตุสมผลให้กับเรื่องราวได้มากยิ่งขึ้นไปอีก
สำหรับใครที่สนใจซีรีส์เรื่องนี้ก็สามารถรับชมได้บน AMAZON PRIME VIDEO โดยเรื่องราวนั้นจะเล่าถึงเด็กสาวนักฆ่าคนหนึ่งที่เติบโตและใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาโดยตลอดกับผู้เป็นพ่อ แต่เธอกลับต้องออกมาใช้ชีวิตในสังคมปกติทั่วไปแถมยังมีอดีตที่เลวร้ายตามไล่ล่าเธออยู่อีกต่างหาก โดยรวมแล้วเรื่องราวยังเล่าในกลุ่มประเทศยุโรปดังเดิม เนื้อเรื่องและตัวละครหลักยังคงไว้แบบภาพยนตร์ แต่มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดและเพิ่มเติมบางอย่างเพื่อให้มีความเป็นเอกลักษณ์ในฉบับซีรีส์
หนังamazon prime video
เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง HANNA
HANNA เป็นซีรีส์ที่ในสีตอนแรกของซีซั่นที่ 1 จะเล่าถึงเรื่องราวเหมือนกับในภาพยนตร์เลยนั่นก็คือย้อนอดีตกลับไปยังจุดกำเนิดของเด็กสาวคนหนึ่งที่มีชื่อว่าฮานน่า สมัยที่เธอยังเป็นเด็กทารกเธอได้อยู่ในแหล่งทดลองของ CIA หน่วยงานลับสุดยอดของอเมริกาที่กำลังทำโครงการ UTRAX เธอถูกทหารรับจ้างของ CIA ที่มีชื่อว่าอีริคซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนร่วมของโครงการดังกล่าวรับพาตัวออกมาเพื่อช่วยเหลือให้เธอรอดพ้นจากการทดลอง แต่ทางหน่วยทดลองกลับส่งหน่วยไล่ล่านำโดย CIA หญิงสาวมากฝีมืออย่างมาริสซามาตามล่าพวกเขา โชคดีที่เธอทำงานพลาด แม้ว่าฮานนาต้องเสียแม่ไปในตอนนั้นแต่อีริคก็สามารถพาเธอมาหลบในป่าลึกในประเทศโรมาเนียได้สำเร็จ จากนั้นทั้งสองคนก็ใช้ชีวิตอยู่ภายในป่านับตั้งแต่ตอนนั้น
อีริคพยายามฝึกเด็กสาวอย่างหนักให้เธอรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับโลกใบนี้ไม่ว่าจะเป็นวิชาการหรือการเป็นนักฆ่าก็ตาม เพื่อที่วันหนึ่งหากเขาไม่อยู่แล้วเธอก็จะสามารถอยู่ด้วยตัวเองได้อีกต่อไป หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่เรื่องราวที่แท้จริงโดยอีก 15 ปีต่อมาเด็กสาวได้สงสัยเกี่ยวกับอดีตของตัวเอง รวมไปถึงคำสั่งที่พ่อกำชับนักหนาว่าห้ามเธอออกจากป่าโดยเด็ดขาด เธอตัดสินใจฝ่าฝืนคำสั่งและมันก็ทำให้เธอถูกไล่ล่าในที่สุด เพราะเจ้าหน้าที่ CIA ในอดีตต้องการที่จะปิดบัญชีภารกิจของเธอให้สำเร็จ
ระหว่างการหลบหนีเธอได้บังเอิญพบเจอกับเพื่อนใหม่และเธอก็ได้สัมผัสกับชีวิตวัยรุ่นแบบปกติทั่วไปที่ไม่ต้องหลบซ่อนอยู่ในป่าอีกต่อไป แต่มันกลับกลายเป็นความอันตรายที่เธอไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายแล้วเรื่องราวของเธอจะเป็นอย่างไรเราต้องติดตามรับชมกันต่อในซีรีส์
ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง HANNA
HANNA เป็นซีรีส์ที่ดำเนินไปในทิศทางเดียวกับภาพยนตร์แทบจะไม่มีผิดเพี้ยน แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนทีมงานสร้างใหม่แต่ก็ยังสามารถคงบรรยากาศแบบเดิมเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว ในส่วนของภาพยนตร์ที่มีจุดด้อยมากมายซีรีส์ก็สามารถดัดแปลงให้เข้ากับรูปแบบการนำเสนอฉบับซีรีส์ได้เป็นอย่างดีและดูมีความไหลลื่นมากยิ่งขึ้นด้วยซ้ำไป บรรยากาศภายในภาพยนตร์ไม่ได้เป็นภาพยนตร์แนวต่อสู้โดยตรงแต่อย่างใดแม้ว่าจะมีการใส่เข้ามาไม่น้อยก็ตาม โดยรวมแล้วจะเน้นการเล่าเรื่องราวแนวดราม่ามากกว่า เนื่องจากตัวละครหลักเต็มไปด้วยอารมณ์เปล่าเปลี่ยวและเหงา แต่อย่างไรเธอก็รู้สึกอบอุ่นเมื่อได้อยู่กับพ่อของเธอ
ต้องขอเตือนเอาไว้ก่อนว่าฉากการต่อสู้ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใส่เข้ามาอย่างจุใจแต่ก็มีความโหดระดับ 18+ เช่นเดียวกัน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ซีรีส์ที่เหมาะสำหรับการรับชมทุกเพศทุกวัยหรือเหมาะสำหรับการรับชมทั้งครอบครัวแต่อย่างใด
อีก 1 จุดเปลี่ยนที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่เหมือนกับฉบับภาพยนตร์อย่างสิ้นเชิงเสียทีเดียวก็คือโครงการลับของหน่วยงาน CIA นั่นเอง โครงการดังกล่าวไม่ได้ปิดตัวลงหลังผ่านมา 15 ปีที่ตัวละครหลักหายไป แต่มีการพัฒนาเด็กสาวออกมาเป็นจำนวนนับ 10 คนเลยทีเดียว
โดยรวมแล้วถือว่าเป็นซีรีส์ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก สามารถเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกออกมาได้อย่างอบอุ่นท่ามกลางความเป็นความตาย นักแสดงสามารถสวมบทบาทออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถเติมเต็มเรื่องราวจากเวอร์ชั่นภาพยนตร์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่อย่างไรก็ตามซีรีส์ซีซั่นแรกใส่ดราม่าเข้ามาค่อนข้างเยอะ ใน SEASON ต่อมาก็มีการเพิ่มเรื่องราวเกี่ยวกับการทดลองเยอะเกินไปทำให้กระจัดกระจายไปหมด