รีวิว ซีรีส์ COWBOY BEBOP Netflix
รีวิว ซีรีส์ COWBOY BEBOP Netflix จากอนิเมะในตำนานยุค 90 อนิเมชั่น LIVE ACTION บน NETFLIX
อนิเมชั่นนั้นเป็นการ์ตูนที่ได้รับความนิยมกันมาแบบยาวนานตั้งแต่ยุคสมัย 80 เป็นต้นมาโดยเฉพาะอนิเมชั่นประเทศญี่ปุ่นและอเมริกาเรานั้นรับชมเรื่องราวเหล่านี้มาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กและมันก็ทำให้เราชื่นชอบจนติดอยู่ในความทรงจำมาจนถึงในปัจจุบันที่พอพูดถึงแล้วก็ทำให้เราย้อนกลับไปคิดถึงได้ไม่ยากอนิเมชั่นเหล่านี้หากประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากก็มีแนวโน้มสูงว่าจะมีการหยิบยกนำเอามาสร้างเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์ LIVE ACTION
หรือเป็นแบบเวอร์ชั่นคนแสดงนั่นเองเพราะหลายคนคงอยากจะรู้เหมือนกันว่าหากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในการ์ตูนนั้นเกิดขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริงของเราเรื่องราวและภาพนั้นจะออกมาเป็นอย่างไรอย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าการสร้างเรื่องราวออกมาในลักษณะของ LIVE ACTION นั้นมีความเสี่ยงไม่น้อยเลยทีเดียวที่จะต้องพบเจอกับอาถรรพ์เพราะอนิเมชั่นส่วนใหญ่แล้วมักจะเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เข้มข้นและยาวนานและ LIVE ACTION ส่วนใหญ่ก็มักจะมาในลักษณะของภาพยนตร์ที่มีเวลาในการนำเสนอเรื่องราวทั้งหมดที่ต้องย่อให้เหลือไม่เกิน 3 ชั่วโมงเท่านั้นซึ่งเป็นโจทย์ที่ยากเป็นอย่างมากทำให้มีน้อยเรื่องที่จะประสบความสำเร็จ
ดังนั้นซีรีส์ที่เราจะมาแนะนำในวันนี้จึงถือว่าเป็นความชาญฉลาดเป็นอย่างมากกับการหยิบยกนำเอาอนิเมชันในตำนานจากยุค 90 มาทำเป็น LIVE ACTION ในรูปแบบของซีรีส์ให้มีเวลาการเล่าเรื่องราวที่นานมากยิ่งขึ้นนั่นก็คือเรื่อง COWBOY BEBOP ซีรีส์ที่สร้างมาจากอนิเมชั่นปลายยุค 90 ที่จะเล่าถึงเรื่องราวผสมผสานกันระหว่างการเต้นคาวบอยคอบร้ายานอวกาศการต่อสู้สไตล์กังฟูรวมไปถึงเพลงแจ๊สผสมผสานภาพยนตร์แนวมาเฟียและสืบสวนสอบสวนแบบสำรวจเข้ามาอีกด้วยเราขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่เป็นแฟนการ์ตูนเรื่องนี้อยู่แล้วว่าไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาดเพราะซีรีส์เรื่องนี้ถือว่าสามารถทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวใครที่อยากจะรับชมก็สามารถเข้าไปหารับชมได้แล้ววันนี้บน NETFLIX
เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง COWBOY BEBOP
COWBOY BEBOP จะเล่าถึงเรื่องราวของกลุ่มคาวบอยอวกาศที่เป็นนักล่าค่าหัวในโลกอนาคตที่การเดินทางระหว่างดวงดาวนั้นเป็นเรื่องที่สามารถทำได้แบบปกติทั่วไป แต่ด้วยเหตุนี้ทำให้สังคมของเรานั้นเต็มไปด้วยอาชญากรมากมายที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สามารถจัดการได้พวกเขาจึงได้หยิบนำเอาระบบล่าค่าหัวในยุคสมัยคาวบอยกลับมาใช้อีกครั้งโดยให้เหล่านักล่าค่าหัวนั้นทำหน้าที่แทนตำรวจในการตามไล่ล่าจับเหล่าอาชญากรระหว่างดวงดาวมีนักล่าค่าหัวกลุ่มหนึ่ง
ประกอบไปด้วยสไปค์สเกลและเจ็ตแบล็กพวกเขาทั้งสามคนนั้นเป็นนักล่าค่าหัวที่เปรียบเสมือนกับคาวบอยอวกาศที่คอยทำภารกิจไล่ล่าอาชญากรที่มีค่าหัวที่หลบซ่อนไปทั่วทั้งจักรวาลและมันก็ทำให้พวกเขาได้เจอกับหญิงสาวนักล่าค่าหัวปริศนาสุดเซ็กซี่ที่มีชื่อว่าวาเลนไทน์เข้ามาร่วมกลุ่มในภายหลังไม่เพียงเท่านั้นยังพบเจอกับแฮกเกอร์หญิงอัจฉริยะที่มีชื่อเอ็ดก่อนที่จะเข้ามาร่วมกลุ่มกับพวกเขาอีกคนหนึ่งงานของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนานและเข้มข้น
แต่ยังมีเรื่องราวอีกหนึ่งฝั่งนั่นก็คืออดีตอันขมขื่นของสไปค์ที่ทุกวันนี้มันก็ยังคงตามหลอกหลอนเขาอยู่เป็นประจำเนื่องจากในอดีตนั้นเขาเคยเป็นนักฆ่าระดับแนวหน้าในองค์กรอาชญากรรมที่มีชื่อว่า RED DRAGON มาก่อนและมันก็ทำให้เขานั้นต้องพบกับเพื่อนสนิทเก่าแก่ที่ปัจจุบันกลายมาเป็นศัตรูคนสำคัญอย่างวิเชียสรวมไปถึงคนรักเก่าของเขาอย่างจูเลียเรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปต้องติดตามรับชมกันต่อในซีรีส์
ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง COWBOY BEBOP
COWBOY BEBOP เป็นอนิเมชั่นจากปลายยุค 90 ที่โด่งดังแบบถล่มทลายในยุคที่มันออกฉายมาเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในอนิเมชั่นระดับตำนานก็ว่าได้มันประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเนื่องจากได้หยิบยกนำเอาองค์ประกอบที่ชาวตะวันตกขึ้นชอบหลักหลายอย่างมาผสมรวมกัน แต่กลับลงตัวและดูไม่เป็นอนิเมชั่นแนวยำรวมมิตรที่แสนจะน่าเบื่อ แต่อย่างใดเรียกว่าเป็นอนิเมชั่นที่เต็มไปด้วยความหลากหลายโดยเฉพาะตัวละครที่มีหลากหลายเชื้อชาติและสีผิว
ซึ่งทุกคนนั้นมีความโดดเด่นบทไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการออกแบบหรือแม้แต่เรื่องราวของพวกเขาก็ตามการดัดแปลงอนิเมชั่นเรื่องนี้มาเป็นซีรีส์นั้นต้องยอมรับเลยว่าสามารถทำออกมาได้ดีกว่า LIVE ACTION หลายเรื่องที่เคยผ่านหูผ่านตาเรามาส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ผู้กำกับนั้นเคารพต้นฉบับเป็นอย่างมากทำให้สิ่งที่เราจะได้รับชมในซีรีส์นั้นแทบจะไม่แตกต่างอะไรเลยกับสิ่งที่เราเคยได้รับชมในอนิเมชั่นเพียงแต่ว่า
มีการปรับในส่วนของเนื้อหาให้เหมาะกับยุคปัจจุบันสามารถเข้าถึงผู้คนได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นมีการปรับ CHARACTER ไม่ว่าจะเป็นในส่วนเสื้อผ้าหน้าผมให้ดูสมจริงใด ๆ ก็ตามการปรับแต่งเหล่านี้มีพื้นฐานอยู่บนความสมเหตุสมผลทำให้เรานั้นไม่ได้รู้สึกขัดหูขัดตาแต่อย่างใด
ตัวอย่างซีรีส์ COWBOY BEBOP
รีวิว ซีรีส์ COWBOY BEBOP บางส่วนจาก beartai
‘Cowboy Bebop’ คือแอนิเมชันซีรีส์ปี 1998 ที่เปิดศักราชใหม่ให้โลกได้รู้จักกับแอนิเมะไซไฟสุดล้ำจากญี่ปุ่นที่โดดเด่นทั้งงานดีไซน์คาแรกเตอร์ เรื่องราวสุดล้ำที่ผสมผสานปรัชญาอัตถิภาวะนิยม (existentialism) เข้ากับธีมเรื่องที่ได้รับแรงบันดาลใจทั้งจากหนังไซไฟ หนังคาวบอยและหนังฟิล์มนัวร์ ไปจนถึงธีมสกอร์อันโดดเด่นของโยโกะ คันโนะ (Yoko Kanno)
และถือเป็นแอนิเมะซีรีส์ระลอกแรกที่ตีตลาดต่างประเทศได้สำเร็จโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จและหนึ่งในผลงานที่ส่งผ่านแรงบันดาลใจให้กับหนังฮอลลีวูดอย่าง ‘The Matrix’ จนชินนิจิโระ วาตานาเบะ (Shinichirō Watanabe) เคยได้รับเชิญไปกำกับตอนหนึ่งใน ‘The Animatrix’ มาแล้วดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเมื่อเน็ตฟลิกซ์ บริการสตรีมมิงเจ้าดังจะเห็นโอกาสอันดีในการหยิบเพชรเม็ดงามมารีเมกฉบับไลฟ์แอ็กชันที่เราได้ดูกันอยู่ขณะนี้
เรื่องราวของ ‘Cowboy Bebop’ จะเป็นการตามติดชีวิตของนักล่าค่าหัวอวกาศประกอบด้วย สไปค์ สปีเกิล (รับบทโดย จอห์น โช John Cho) หนุ่มลูกเล่นแพรวพราวที่ถนัดทั้งอาวุธปืนและมีดบินแต่มีความลับดำมืดที่แม้แต่คู่หูของเขาก็ยังไม่รู้ เจ็ต แบล็ก (รับบทโดย มุสตาฟา ชาเคียร์ Mustafa Shakir) คู่หูร่างยักษ์ของสปีเกิล อดีตตำรวจที่เสียแขนจากการจับกุมผู้ร้ายจนหันมาเป็นนักล่าค่าหัวและ เฟย์ วาเลนไทน์ (รับบทโดยแดเนียลลา พีเนดา Daniella Pineda) นักล่าค่าหัวสาวที่สูญเสียความทรงจำ โดยพวกเขาต้องร่วมกันจับกุมนักโทษตามหมายจับเพื่อส่งทางการและรับเงินรางวัล
โปรเจกต์ ‘Cowboy Bebop’ ถูกพัฒนามาด้วยความระมัดระวังในหลายด้านทั้งประเด็นการฟอกขาว (White Washing) ที่เคยเกิดขึ้นกับโปรเจกต์รีเมกจากงานภาพยนตร์หรือแอนิเมะของเอเซียเลยจำเป็นต้องแคสต์นักแสดงเชื้อสายเอเซียอย่างจอห์น โชมารับบทนำ ไปจนถึงกลัวคำกล่าวหาว่าเป็นการดัดแปลงโดยปราศจากจิตวิญญาณของบทประพันธ์ต้นฉบับจนถึงขั้นให้ชินนิจิโระ วาตานาเบะ ผู้กำกับแอนิเมะต้นฉบับและโยโกะ คันโน ผู้ประพันธ์เพลงต้นฉบับมาร่วมงานในตำแหน่งโปรดิวเซอร์ร่วมและคอมโพสเซอร์ของซีรีส์
และถ้ายังกลัวไม่เหมือนแอนิเมะซีรีส์ก็ยังคงไว้ซึ่งไตเติลเปิดเรื่องและองค์ประกอบหลายอย่างจากแอนิเมะทั้งเสื้อผ้าและทรงผมที่แม้ของสไปค์ สปีเกิลจะไม่ได้ออกเขียว ๆ เหมือนต้นฉบับแต่ก็คงความยุ่งบนหัวของจอห์น โช แต่ที่หนักสุดคือการที่มันถูกกำกับให้นักแสดงแสดงโอเวอร์แอ็กติ้งเหมือนแอนิเมะจนดูแปร่งปร่าพิกล แต่กระนั้นผลลัพธ์ของซีีรีส์ฉบับนี้ก็ยังคงห่างไกลจากซีรีส์ไลฟ์แอ็กชันที่จะเป็นความหวังให้ผู้ชมที่รอดูการรีเมกที่เข้าท่าอยู่ดี
ยกตัวอย่างประการแรกแม้ว่าอาจจะไม่ยุติธรรมนักแต่การคัดเลือกนักแสดงมีผลต่อสายตาคนดูจริง ๆ เริ่มที่่จอห์น โชที่แม้จะพยายามฟิตหุ่นและดูกระฉับกระเฉงแค่ไหนแต่ด้วยสังขารที่แม้จะยังไม่ถึงขั้นชราแต่พอต้องมารับบทสไปค์ สปีเกิลที่แอนิเมะพยายามปั้นให้ดูเป็นหนุ่มทะเล้นกวนโอ๊ยและเสน่ห์แพรวพราว โชกลับไม่สามารถมอบสิ่งนั้นให้ผู้ชมได้เลยแต่กลับไปเน้นดราม่าและบุคลิกดูกวน ๆ แต่ไร้เสน่ห์ดึงดูดแทน มิหนำซ้ำเรายังต้องมานั่งลำใยกับบทรำพึงรำพันรักเก่าที่แทบไม่ทำให้เรื่องเดินหน้าสักเท่าไหร่อีกต่่างหาก
มิหนำซ้ำด้วยพล็อตเรื่องที่คราวนี้ดูงงมากที่ซีรีส์พยายามดึงดาวน์ลงเรื่อย ๆ และเน้นเรื่องรักในอดีตของสปีเกิลที่แม้ว่าใบหน้าของ เอเลนา ซาไทน์ (Elena Satine) ในบทจูเลีย คนรักเก่าของสปีเกิลจะสวยแค่ไหน แต่มันทำความสนุกหดหายไปเยอะมาก แทนที่บทสปีเกิลจะส่งเสริมอาชีพแต่กลับดึงให้จอห์น โชเหมือนหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าผิดไซซ์และฝืนแสดงให้ดูตลกแทนไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่จริงจอห์น โชก็เริ่มจากนักแสดงสายตลกแต่พออยู่ใน ‘Cowboy Bebop’ ทุกอย่างดูผิดที่ผิดทางไปหมดได้ยังไงก็ไม่รู้นะครับ
อีกตัวละครที่แคสต์ได้ขัดใจคนดูสุด ๆ คือเฟย์ วาเลนไทน์ที่ในแอนิเมะดูเป็นสาวเซ็กซี่มากเพราะถูกดีไซน์มาให้อยู่ในชุดที่เน้นทรวงทรงพร้อมผมสีม่วงตัดสั้นอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งที่จริงการแคสต์แดเนียลลา พีเนดามาแสดงก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ผิดเพราะเธอก็ถือว่าเซ็กซี่และมีเสน่ห์แบบสาวละตินผิวขาวอยู่ เพียงแต่ผู้สร้างเลือกเติมแต่งเธอเยอะไปหน่อยทั้งลุคที่พยายามไม่เน้นเรื่องทรวดทรงจนชุดออกมาดูไม่เสริมส่งกับลุคของพีเนดานัก
ที่สำคัญคือทรงผมทำให้หน้าของเธอดูบวมมากกว่าจะออกแนวเซ็กซี่และแม้ในบางซีนจะมีชุดราตรีสีแดงแหวกอกที่ทำให้เธอดูดีอยู่บ้างบวกกับซีนเลสเบียนที่ไม่รู้ว่าซีรีส์จะใส่เข้ามาทำไม รวมถึงการเลือกแนะนำคนดูว่าเฟย์เป็นนักล่าค่าหัวแต่แรกยังเป็นการทำลายโอกาสที่เราจะได้เห็นพัฒนาการของตัวละครผิดกับแอนิเมะที่เธอเป็นเซียนไพ่และนักต้มตุ๋นมาก่อนและจับพลัดจับผลูมารวมทีมที่ทำให้เห็นมิติต่าง ๆ ในการเปลี่ยนแปลงของตัวละครที่ชวนให้หนุ่ม ๆ ตกหลุมรักเธอได้มากกว่าฉบับซีรีส์คนแสดงเสียอีก