รีวิว ซีรีส์ BULGASAL Netflix
รีวิว ซีรีส์ BULGASAL Netflix ซีรีส์แนวดาร์กแฟนตาซีสยองขวัญจากเกาหลีที่รวบรวมความยอดนิยมเอาไว้ในเรื่องเดียว
ซีรีส์ยอดนิยมของเกาหลีใต้นั้นมักจะมีองค์ประกอบยอดนิยมรวมกันเอาไว้อย่างเช่นเรื่องราวความรักที่เต็มไปด้วยความเข้มข้น ความสยองขวัญที่ทำให้เราต้องรู้สึกหวั่นผวา การเล่าเรื่องราวย้อนยุคประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจ การพูดถึงเรื่องราวสืบสวนสอบสวนที่เต็มไปด้วยปริศนา เรื่องราวเหล่านี้ปกติแล้วไม่ได้มีการนำเอามารวมกันทั้งหมดยกเว้นแต่ซีรีส์ที่เราจะมาแนะนำในวันนี้ที่ได้นำเอาความยอดนิยมทั้งหลายของซีรีส์เกาหลีมารวมกันไว้ในเรื่องเดียวนั่นก็คือซีรีส์เรื่อง BULGASAL มันเป็นซีรีส์ที่จะบอกเล่าถึงเรื่องราวความแค้นและความสัมพันธ์แบบข้ามภพข้ามชาติที่เราชื่นชอบ โดยซีรีส์เรื่องนี้จะมีทั้งหมด 16 ตอนจบ สามารถรับชมได้แล้วบน NETFLIX
แม้ว่ามันจะเป็นซีรีส์ที่เหมือนกับจะยำรวมความยอดนิยมของซีรีส์เกาหลีมาไว้ในเรื่องเดียวแต่ก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะมันเป็นซีรีส์ที่ค่อนข้างจะเต็มไปด้วยบรรยากาศของความตึงเครียดปะปนกับความสยองขวัญได้อย่างลงตัว ซึ่งเป็นวิธีการเล่าเรื่องราวที่เรามักไม่ค่อยได้เห็นในซีรีส์เกาหลีเท่าไหร่นัก ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ภาพยนตร์แนวยำรวมมิตรที่มีความน่าเบื่อหรือไม่สนุกสนานแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้นความที่แหวกแนวของมันทำให้สำหรับคนที่ชื่นชอบซีรีส์เกาหลีแบบดั้งเดิมหลายคนก็อาจจะรู้สึกแปลกใจกับซีรีส์เรื่องนี้บ้าง หรือมันก็อาจจะทำให้หลายคนรู้สึกว่าไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ก็ได้เช่นเดียวกัน แต่หากคุณต้องการที่จะรับชมซีรีส์เกาหลีในรูปแบบใหม่ซีรีส์เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง BULGASAL
BULGASAL เป็นซีรีส์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีชื่อว่าดันฮวาล เขานั้นเป็นชายหนุ่มที่ถูกกล่าวหาว่าเขาเป็นเด็กต้องคำสาปมาตั้งแต่สมัยที่เขาเกิด โดยผู้คนกล่าวขานกันว่าเขานั้นมีปีศาจในตำนานที่มีชื่อว่าบุลกาซันคอยตามล่าเอาชีวิตอยู่ เด็กชายผู้โชคร้ายนั้นต้องเติบโตมาด้วยความรังเกียจเหยียดหยามของคนทั้งหมู่บ้านตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นทารกไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยด้วยซ้ำ ไม่เพียงเท่านั้นยังกล่าวกันอีกว่าเขานั้นจะกลายเป็นอมตะและจะมีชีวิตได้ด้วยการกินเลือดมนุษย์ และสิ่งที่ชาวบ้านกล่าวขานก็เป็นเช่นนั้นจริง เขากลายมาเป็นอมตะแต่เขาก็มีเป้าหมายเช่นเดียวกันนั่นก็คือการตามหาหญิงสาวปริศนาคนหนึ่งที่ทำให้เขาต้องเผชิญกับชะตากรรมอันโหดร้ายด้วยการถูกคำสาปมาจนถึงในปัจจุบัน
ในขณะเดียวกันก็มีหญิงสาวปริศนาคนหนึ่งที่มีชีวิตมาร่วมร้อยปีแล้ว ต้องถูกสังหารลงไปเนื่องจากเธอนั้นมีความเกี่ยวข้องกับปีศาจบุลกาซัล หลังจากที่เธอได้มีโอกาสกลับชาติมาเกิดอีกครั้งเธอก็ต้องพยายามตามหาความลับและปริศนาเกี่ยวกับปีศาจตัวนี้เพื่อที่จะได้เอาชีวิตรอดให้สำเร็จแต่มันก็ไม่ง่ายเช่นนั้นเพราะไม่ว่าอะไรก็ดูเหมือนกับจะเป็นปริศนาไปเสียหมด ปีศาจดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับปีศาจในท้องถิ่นของคนเกาหลีตั้งแต่ยุคโชซอน เธอจะสามารถตามหาความลับของปีศาจตัวนี้ได้สำเร็จหรือไม่ แล้วชายหนุ่มจะตามหาตัวเธอเจอหรือเปล่าเราจะต้องติดตามชมกันต่อไปในซีรีส์
ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง BULGASAL
BULGASAL ฟังดูเหมือนซีรีส์แนวยำรวมมิตรไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะมันเอาเรื่องราวเกาหลีย้อนยุค การข้ามชาติ เรื่องราวความรัก ความแฟนตาซี การต่อสู้ การสืบสวนสอบสวน และความสยองขวัญมารวมกันไว้ในเรื่องเดียว รายการเล่าเรื่องราวนั้นกลับไม่ได้มีกลิ่นอายของความเป็นซีรีส์เกาหลีเท่าไหร่ดังนั้นมันจึงค่อนข้างแปลกใหม่ไม่น้อยเลยทีเดียว สิ่งที่ต้องชมคือการออกแบบปีศาจในเรื่องนี้ที่พยายามนำเอาตำนานภูตผีปีศาจหลายแบบมารวมกันไว้และทำออกมาได้ค่อนข้างดี นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยด้านมืดในจิตใจของมนุษย์ การจิกกัดสังคม การกล่าวโทษกันไปมาโดยไม่สนเหตุผลที่แท้จริง
จุดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้ก็คือการถ่ายทำที่ยอดเยี่ยมและมีความอลังการงานสร้างแตกต่างจากซีรีส์เกาหลีแนวรักโรแมนติกธรรมดาทั่วไป นักแสดงตัวหลักแต่ละคนนั้นถ่ายทอดบทบาทออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก เรื่องราวเต็มไปด้วยปริศนาทำให้เรารู้สึกอยากจะติดตามตลอดเวลา แก่นเรื่องนั้นมีความน่าสนใจและมีความแปลกใหม่เลยทีเดียว แต่จุดด้อยก็มีเช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็นงานคอมพิวเตอร์กราฟิกที่ยังดูไม่สมจริงเท่าที่ควร การที่เรื่องราวดราม่าเข้ามากินเวลามากจนเกินไปจนทำให้เรารู้สึกว่าพยายามยืดฉาก ไม่เพียงเท่านั้นเรื่องราวยังเต็มไปด้วยความหม่นหมองแทบจะตลอดทั้งเรื่องจะทำให้หลายคนอาจรู้สึกท้อก่อนจะดูจบ
การที่ซีรีส์ไม่ได้ใส่อะไรเข้ามาทำให้มันดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นอย่างเช่นความรักโรแมนติกในระดับพอดีหรือมุกตลกทำให้มันเต็มไปด้วยความตึงเครียดตลอดทั้งเรื่อง ไม่มีจังหวะที่ทำให้เรานั้นได้รู้สึกผ่อนคลาย สำหรับคนที่ชื่นชอบซีรีส์แนวจริงจังก็อาจจะรู้สึกชอบไปเลยในขณะที่คนที่รับชมซีรีส์เพื่อผ่อนคลายก็อาจจะรู้สึกว่ามันเป็นซีรีส์ที่ดูดพลังมากจนเกินไป
ตัวอย่างซีรีส์ BULGASAL
รีวิว ซีรีส์ BULGASAL บางส่วนจาก playinone
เรื่องของปีศาจอมตะ บุลกาซัล และความแค้นระหว่างชายหญิงคู่หนึ่งที่ตามล่ากันข้ามภพข้ามชาติ เดินเรื่องสไตล์ Horror สยองขวัญ เนื้อหาโทนดราม่ามืดหม่นพอสมควร
Bulgasal Netflix รีวิว ซีรีส์เกาหลี แนวดราม่า ดาร์กแฟนตาซี เกี่ยวกับปีศาจอมตะ บุลกาซัล และความแค้นระหว่างชายหญิงคู่หนึ่งที่ตามล่ากันข้ามภพข้ามชาติ เดินเรื่องสไตล์ Horror สยองขวัญที่ดูเหมือนจะได้อิทธิพลจากหนังสยองขวัญหลายแนวมายำรวมกัน
รับชมได้เลยใน Netflix เพิ่งมาได้ 2 ตอน มีทั้งหมด 16 ตอนจบ อัพเดททุกอาทิตย์
เรื่องราวแนวดาร์กแฟนตาซีปนสยองขวัญของเกาหลีเรื่องนี้บอกเล่าเกี่ยวกับความแค้นและความสัมพันธ์แบบข้ามภพข้ามชาติที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ชายหญิงคู่หนึ่ง
ดันฮวาล รับบทโดย อีจินอุค ชายหนุ่มผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นเด็กต้องคำสาปตั้งแต่เกิดว่าเขาถูกปีศาจในตำนานอย่าง บุลกาซัล ตามล่าเอาชีวิต สุดท้ายแล้วเขากลายเป็นอมตะและจะมีชีวิตด้วยการดูดกินเลือดมนุษย์ เป้าหมายของเขามีเพียงอย่างเดียวคือตามหาหญิงสาวปริศนาที่มีส่วนทำให้เขาต้องคำสาปจนกระทั่งมาถึงยุคปัจจุบัน มันซังอุน รับบทโดย ควอนนารา หญิงสาวปริศนาผู้ที่มีชีวิตอยู่มาหลายร้อยปีและกลับชาติมาเกิดอีกครั้ง ทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับบุลกาซัล ถูกสังหารไปในยุคอดีตและกลับชาติมาเกิดในยุคปัจจุบัน ซึ่งเธอก็ต้องค้นหาปริศนาความลับของบุลกาซัลและหาทางเอาชีวิตรอดให้ได้
เรื่องนี้เป็นซีรีส์เกาหลีแนวดาร์กแฟนตาซี แอ็กชั่น ดราม่า ที่เล่าด้วยบรรยากาศค่อนข้างซีเรียส ปนสยองขวัญ ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นวิธีการเล่าแนวนี้กับซีรีส์เกาหลีมากนัก ตอนที่ดูเรื่องนี้อดคิดไม่ได้ว่าได้รับอิทธิพลจากหนังสยองขวัญของฝั่งไต้หวันมาบ้างหรือเปล่า เพราะลักษณะของการใช้โทนสี มุมกล้อง การตัดต่อภาพ จังหวะการเล่า ดูเหมือนเรากำลังรับชมหนังสยองขวัญฝั่งไต้หวันที่ชอบเล่นกับเรื่องความเชื่อ ภูตผีปีศาจ หรือตำนานในท้องถิ่น
สำหรับปีศาจ “บุลกาซัล” ในเรื่องนี้ เหมือนได้รับแรงบันดาลใจมาจากเอาภูติผีปีศาจหลายแบบมายำรวมกัน โดยเฉพาะแวมไพร์ผสมซอมบี้ และเหมือนได้แนวทางแบบ Highlander มาผสมผสานด้วย ดังนั้นตอนที่ดูเรื่องนี้ หากเป็นคนที่ดูหนังสยองขวัญ หนังปีศาจ หนังคัลท์มาเยอะๆ เราจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอะไรพวกนี้แฝงอยู่ในหนังค่อนข้างเยอะ
การเล่าตำนานของบุลกาซัลก็จัดว่าน่าสนใจ ในแง่การผูกโยงความเชื่อเรื่องปีศาจในท้องถิ่นของคนเกาหลีโบราณตั้งแต่ช่วงต้นยุคโชซอน แล้วยังมีการจิกกัดสังคม ด้านมืดของจิตใจมนุษย์ ที่ในยามชีวิตยากลำบากก็มักมองหาอะไรบางอย่างเพื่อกล่าวโทษไว้ก่อนโดยไม่ต้องสนใจเหตุผลอะไรนัก และทำให้ตัวเอกต้องกลายเป็นเด็กต้องคำสาปตั้งแต่เกิด เพียงแต่ซีรีส์เลือกที่จะเล่าในประเด็นที่ว่าตัวเขาก็ต้องคำสาปจริงๆ และต้องการหาทางสลายคำสาปนี้ ซึ่งก็ยังไม่ได้เฉลยว่ามันเกิดขึ้นมาได้ยังไง และอะไรคือปีศาจบุลกาซัลที่มีชีวิตเป็นอมตะ คงต้องรอดูการเฉลยเรื่องราวต่อไป
ด้านโปรดักชั่น จัดว่าทำได้ค่อนข้างดี ทั้งงานภาพ เสียง การตัดต่อ ซึ่งส่วนที่เล่าช่วงย้อนอดีตถือว่าจัดเต็มและทำได้ราวหนังแอ็กชั่นดราม่าย้อนยุคดีๆ สักเรื่องหนึ่ง ชนิดที่ว่าในตอนที่ 1 สามารถปรับเอามาทำเป็นหนังเรื่องหนึ่งได้สบายๆ เลย ตรงนี้ต้องขอชมที่งานสร้างซีรีส์เกาหลีมาไกลจริงๆ
ด้านนักแสดงนำหลักสองคนคือ อีจินอุค และ ควอนนารา เล่นได้ดี น่าติดตาม ทั้งการแสดงทางสีหน้าท่าทาง บางทีไม่ต้องมีบทพูดที่เค้นพลังมากแต่ก็รู้สึกได้ถึงการส่งอารมณ์ ส่วนนักแสดงสมทบคนอื่นยังไม่มีบท ดังนั้นคงต้องรอดูในตอนถัดไป แต่คาดว่าเรื่องนี้จะเน้นการโยงใยความสัมพันธ์แบบข้ามชาติภพของเหล่าตัวละคร ว่าใครเคยมีการสร้างกรรมใดกับผู้คนไว้ในชาติภพก่อน ชาติต่อมาก็มักจะต้องวนเวียนมาเจอกันอีกจนได้ ซึ่งพลอตในสไตล์นี้คนไทยเราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วจากละครไทยหลายเรื่อง แล้วก็ทำให้เห็นว่าฝั่งเกาหลีก็ชอบพลอตแนวนี้เหมือนกันครับ
ส่วนข้อด้อยก็มีไม่น้อย เช่นการเล่าเรื่องในช่วงอดีตที่ใช้เวลาปูบทค่อนข้างนาน มีฉากและแอร์ไทม์บางอย่างที่เหมือนจงใจยืดเกินไปหน่อย ซึ่งก็น่ากังวลว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปจนจบเรื่องหรือไม่ เพราะถ้าเป็นแบบนี้จะมีหลายฉากที่ดูยืดยาดไปเลย ส่วนใครที่คาดหวังฉากแอ็กชั่นปราบปีศาจ เรื่องนี้ทำได้ในระดับกลางๆ งาน CG สำหรับพวกปีศาจทำได้ไม่เลวแต่บางทีดูไปแล้วก็แอบรู้สึกว่าต้องประหยัดงบ ทำให้ยังไม่ได้โชว์ของด้านงาน CG เท่าไร่นัก แถมใช้แอร์ไทม์ค่อนข้างมากกับฉากแนวดราม่ามากกว่าฉากแอ็กชั่น ตรงนี้เลยอาจทำให้หลายคนที่ดูรู้สึกว่ามันยืดยาดเกินเหตุ ทั้งที่สามารถทำให้มันกระชับกว่านี้ได้หลายเท่า อาจเป็นความจงใจของผู้กำกับก็ได้ที่ต้องการยืดเนื้อหาในช่วงแรกครับ แต่ก็เลยเป็นข้อด้อยที่น่าเสียดายไปเลย สำหรับใครที่คาดหวังฉากแอ็กชั่น
อีกจุดที่น่าเป็นห่วงคือ ดูเหมือนเรื่องนี้อาจจะขาดแคลนมุกตลก หรือจังหวะเดินเรื่องแบบเบาสมอง แม้ว่าจะพยายามสอดแทรกเข้ามาบ้าง แต่ก็ค่อนข้างแห้งแล้งในส่วนนี้เพราะเรื่องมันไปหนักที่ดราม่าแบบมืดมนซะมากกว่า ซึ่งการทำให้เรื่องราวดูจริงจังมันเป็นจุดดีก็จริงแต่การขาดแคลนมุกตลกเบาๆ หรือจังหวะที่ลดความจริงจังของเรื่องก็อาจจะทำให้หลายคนดรอปไปกลางก็ได้ คงต้องรอดูว่าจะมีการปรับแก้ตรงนี้ได้มากน้อยแค่ไหน
ภาพรวมแล้วถือว่าเป็นซีรีส์ดาร์กแฟนตาซีของเกาหลีที่น่าสนใจในแง่การเดินเรื่อง แม้ว่าจะดูเหมือนหยิบยืมพลอตและลักษณะของปีศาจมาจากหนังหลายเรื่อง แต่ก็น่าติดตามว่าเรื่องราวจะไปจบลงยังไงในตอนท้าย หวังว่าจะไม่แป้กครับ